แบงก์กรุงเทพ-ไทยพาณิชย์โชว์ผลประกอบการเด่น ครองแชมป์ร่วมธนาคารแห่งปี 2558 ขณะกสิกรไทยนั่งแท่นอันดับ 3 ตามด้วยธนาคารกรุงไทยติดอันดับ 4 เผยแบงก์พาณิชย์ไทยยังแกร่งทำกำไรรวมกว่า 2.1 แสนล้าน
วารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนเมษายน 2558 ประกาศผลการจัดอันดับ ธนาคารแห่งปี 2558 หรือ Bank of the Year 2015 โดยใช้ผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ 15 แห่ง ในรอบปี 2557 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-31 ธันวาคม 2557 มาพิจารณาจัดอันดับ ปรากฏว่า ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ครองแชมป์ธนาคารแห่งปี 2558 ร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เคยครองแชมป์ธนาคารแห่งปีร่วมกันมาแล้ว 2 ครั้งในปี 2552 และ 2555
ทั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพ ยังคงมีผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิสูงเป็นอับดับ 3 ที่ 36,332.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 426.62 ล้านบาท หรือ 1.19% มีกำไรสุทธิต่อหุ้นและอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) สูงเป็นอันดับ 2 ที่ 19.03 บาท และ 26.14% ตามลำดับ โดยกำไรสุทธิของธนาคารที่เพิ่มขึ้นมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้นถึง 3,118 ล้านบาท ตามการขยายตัวของสินเชื่อจากลูกค้าทุกกลุ่มทั้งลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ ลูกค้าธุรกิจรายกลางและรายปลีก ลูกค้าบุคคล และลูกค้าต่างประเทศ
นอกจากความสามารถในการทำกำไรแล้ว ธนาคารกรุงเทพยังคงให้ความสำคัญกับความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงิน โดยตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสูงเป็นอันดับ 1 ของระบบธนาคารพาณิชย์ถึง 89,411.51 ล้านบาท ส่งผลให้ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่ออยู่ที่ 5.02% และดำรงเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงรวมทั้งสิ้น 17.41% รวมทั้งยังมีมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นสูงเป็นอันดับ 1 ที่ 169.47 บาทอีกด้วย
ทั้งนี้ จากจุดแข็งของธนาคารกรุงเทพที่ยึดปรัชญาทางธุรกิจในการเป็น “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” ทำให้ธนาคารสามารถพัฒนาสายสัมพันธ์ที่ยาวนานจนได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย และได้รับการสานต่อมาตลอดหลายทศวรรษ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเจริญเติบโตและเอื้ออำนวยให้ธนาคารสามารถขยายธุรกิจคู่ขนานไปกับความต้องการทางการเงินที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
สำหรับธนาคารไทยพาณิชย์ ยังคงสามารถสร้างผลกำไรสุทธิสูงสุดติดต่อกันเป็นปีที่ 5 และสูงที่สุดในระบบธนาคารพาณิชย์ โดยในปี 2557 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 53,334.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,101.83 ล้านบาท หรือ 6.17% และมีอัตรากำไรสุทธิที่ 32.16% และอัตราผลตอบแทนจากส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) 20.07% สูงเป็นอันดับ 1 เช่นเดียวกัน
โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้กำไรสุทธิเติบโตในระดับที่ดีต่อเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นอย่างมากของรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิอันเป็นผลจากการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ย และการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมบริการ สำหรับในปี 2558 ธนาคารไทยพาณิชย์กำหนดกลยุทธ์หลัก มุ่งเน้น 4 ด้าน ได้แก่ 1.ปรับเปลี่ยนการให้บริการลูกค้าเอสเอ็มอีให้ครอบคลุมห่วงโซ่ทางธุรกิจของลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่รายหลัก รวมถึงพัฒนาความสัมพันธ์กับลูกค้าของธนาคารให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และมุ่งเน้นลูกค้ารายย่อยในกลุ่มเอสเอ็มอี 2.เพิ่มอัตราการเข้าถึงลูกค้า โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมและประเภทธุรกิจที่เป็นเป้าหมาย 3.เร่งการปรับเปลี่ยนกระบวนการปฏิบัติงานให้เป็นระบบดิจิตอล เพื่อเพิ่มความสะดวกของลูกค้า และดึงดูดลูกค้าใหม่ และ 4.พัฒนาขีดความสามารถของพนักงาน รวมถึงเพิ่มความสามารถใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนกลยุทธ์ของธนาคารให้ประสบความสำเร็จ
ด้านธนาคารกสิกรไทย อยู่ในอันดับ 3 โดยมีรายได้รวมสูงเป็นอันดับ 1 ที่ 231,766.92 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิสูงเป็นอันดับ 2 ที่ 46,153.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,828.60 ล้านบาท หรือ 11.68% และมีอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) สูงเป็นอันดับ 1 ที่ 2.69%
สำหรับทิศทางในปี 2558 ธนาคารกสิกรไทยกำหนดยุทธศาสตร์ที่จะมุ่งเน้น 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ 1.การเป็นอันดับหนึ่งด้านธนาคารหลักของลูกค้าในทุกกลุ่มลูกค้า และมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง 2.การเป็นผู้นำด้านการให้บริการทางการเงินในโลกดิจิตอล และบริการ Transaction Banking 3.การเป็น “AEC+3 Bank” เพื่อตอบสนองต่อโอกาสทางธุรกิจซึ่งมาจากการเกิดขึ้นของ AEC รวมถึงโอกาสทางธุรกิจกับจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ และ 4.การเน้นย้ำเรื่องบริการที่เป็นเลิศตามแนวคิด “บริการทุกระดับประทับใจ” และการเสริมสร้างตำแหน่งทางการตลาดให้แข็งแกร่ง
ส่วนธนาคารกรุงไทย ครองอันดับ 4 โดยมีกำไรสุทธิสูงเป็นอันดับ 4 จำนวน 33,191.03 ล้านบาท ทั้งนี้ ธนาคารกรุงไทยมีเป้าหมายและแผนงานภายใต้แนวคิด 3 Summits คือ 1st Summit เป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งของธนาคารในด้านต่างๆ 2nd Summit เป็นการปิด Gap กับคู่เทียบในด้านส่วนแบ่งการตลาดและผลกำไร และ 3rd Summit เป็นองค์กรที่ดีที่สุดในการทำงาน และเป็นบ้านหลังที่สองของพนักงาน
วารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนเมษายน 2558 ประกาศผลการจัดอันดับ ธนาคารแห่งปี 2558 หรือ Bank of the Year 2015 โดยใช้ผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ 15 แห่ง ในรอบปี 2557 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-31 ธันวาคม 2557 มาพิจารณาจัดอันดับ ปรากฏว่า ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ครองแชมป์ธนาคารแห่งปี 2558 ร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เคยครองแชมป์ธนาคารแห่งปีร่วมกันมาแล้ว 2 ครั้งในปี 2552 และ 2555
ทั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพ ยังคงมีผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิสูงเป็นอับดับ 3 ที่ 36,332.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 426.62 ล้านบาท หรือ 1.19% มีกำไรสุทธิต่อหุ้นและอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) สูงเป็นอันดับ 2 ที่ 19.03 บาท และ 26.14% ตามลำดับ โดยกำไรสุทธิของธนาคารที่เพิ่มขึ้นมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้นถึง 3,118 ล้านบาท ตามการขยายตัวของสินเชื่อจากลูกค้าทุกกลุ่มทั้งลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ ลูกค้าธุรกิจรายกลางและรายปลีก ลูกค้าบุคคล และลูกค้าต่างประเทศ
นอกจากความสามารถในการทำกำไรแล้ว ธนาคารกรุงเทพยังคงให้ความสำคัญกับความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงิน โดยตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสูงเป็นอันดับ 1 ของระบบธนาคารพาณิชย์ถึง 89,411.51 ล้านบาท ส่งผลให้ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่ออยู่ที่ 5.02% และดำรงเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงรวมทั้งสิ้น 17.41% รวมทั้งยังมีมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นสูงเป็นอันดับ 1 ที่ 169.47 บาทอีกด้วย
ทั้งนี้ จากจุดแข็งของธนาคารกรุงเทพที่ยึดปรัชญาทางธุรกิจในการเป็น “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” ทำให้ธนาคารสามารถพัฒนาสายสัมพันธ์ที่ยาวนานจนได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย และได้รับการสานต่อมาตลอดหลายทศวรรษ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเจริญเติบโตและเอื้ออำนวยให้ธนาคารสามารถขยายธุรกิจคู่ขนานไปกับความต้องการทางการเงินที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
สำหรับธนาคารไทยพาณิชย์ ยังคงสามารถสร้างผลกำไรสุทธิสูงสุดติดต่อกันเป็นปีที่ 5 และสูงที่สุดในระบบธนาคารพาณิชย์ โดยในปี 2557 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 53,334.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,101.83 ล้านบาท หรือ 6.17% และมีอัตรากำไรสุทธิที่ 32.16% และอัตราผลตอบแทนจากส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) 20.07% สูงเป็นอันดับ 1 เช่นเดียวกัน
โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้กำไรสุทธิเติบโตในระดับที่ดีต่อเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นอย่างมากของรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิอันเป็นผลจากการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ย และการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมบริการ สำหรับในปี 2558 ธนาคารไทยพาณิชย์กำหนดกลยุทธ์หลัก มุ่งเน้น 4 ด้าน ได้แก่ 1.ปรับเปลี่ยนการให้บริการลูกค้าเอสเอ็มอีให้ครอบคลุมห่วงโซ่ทางธุรกิจของลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่รายหลัก รวมถึงพัฒนาความสัมพันธ์กับลูกค้าของธนาคารให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และมุ่งเน้นลูกค้ารายย่อยในกลุ่มเอสเอ็มอี 2.เพิ่มอัตราการเข้าถึงลูกค้า โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมและประเภทธุรกิจที่เป็นเป้าหมาย 3.เร่งการปรับเปลี่ยนกระบวนการปฏิบัติงานให้เป็นระบบดิจิตอล เพื่อเพิ่มความสะดวกของลูกค้า และดึงดูดลูกค้าใหม่ และ 4.พัฒนาขีดความสามารถของพนักงาน รวมถึงเพิ่มความสามารถใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนกลยุทธ์ของธนาคารให้ประสบความสำเร็จ
ด้านธนาคารกสิกรไทย อยู่ในอันดับ 3 โดยมีรายได้รวมสูงเป็นอันดับ 1 ที่ 231,766.92 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิสูงเป็นอันดับ 2 ที่ 46,153.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,828.60 ล้านบาท หรือ 11.68% และมีอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) สูงเป็นอันดับ 1 ที่ 2.69%
สำหรับทิศทางในปี 2558 ธนาคารกสิกรไทยกำหนดยุทธศาสตร์ที่จะมุ่งเน้น 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ 1.การเป็นอันดับหนึ่งด้านธนาคารหลักของลูกค้าในทุกกลุ่มลูกค้า และมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง 2.การเป็นผู้นำด้านการให้บริการทางการเงินในโลกดิจิตอล และบริการ Transaction Banking 3.การเป็น “AEC+3 Bank” เพื่อตอบสนองต่อโอกาสทางธุรกิจซึ่งมาจากการเกิดขึ้นของ AEC รวมถึงโอกาสทางธุรกิจกับจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ และ 4.การเน้นย้ำเรื่องบริการที่เป็นเลิศตามแนวคิด “บริการทุกระดับประทับใจ” และการเสริมสร้างตำแหน่งทางการตลาดให้แข็งแกร่ง
ส่วนธนาคารกรุงไทย ครองอันดับ 4 โดยมีกำไรสุทธิสูงเป็นอันดับ 4 จำนวน 33,191.03 ล้านบาท ทั้งนี้ ธนาคารกรุงไทยมีเป้าหมายและแผนงานภายใต้แนวคิด 3 Summits คือ 1st Summit เป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งของธนาคารในด้านต่างๆ 2nd Summit เป็นการปิด Gap กับคู่เทียบในด้านส่วนแบ่งการตลาดและผลกำไร และ 3rd Summit เป็นองค์กรที่ดีที่สุดในการทำงาน และเป็นบ้านหลังที่สองของพนักงาน