"วายแอลจี" มองความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯยังกดดันราคาทองคำ หลังเริ่มแน่ชัดว่าท้าทายที่สุดเฟดยังปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ แนะจับตาสถานการณ์เศรษฐกิจจีน หากดีขึ้นจะช่วยพยุงราคา ประเมินหากหลุด1,160 ให้มองแนวรับ 1,140 น่าลงทุน ส่วนถ้าทะลุ 1,190 มีโอกาสทดสอบ 1,220 เหรียญ/ออนซ์
"วรุต รุ่งขำ" ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของราคาทองคำว่า ในช่วงที่ผ่านมา ราคายังอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง จากแรงกดดันของแนวโน้มเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯที่ยังคงสดใสอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนเชื่อว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)จะยังคงมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสิ้นปีนี้
อย่างไรก็ตามด้วยกลางเดือนนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการ FOMC ทำให้นักลทุนบางส่วนชะลอการเข้าซื้อทองคำ เพิ่มเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น แต่ปัจจัยดังกล่าวยังคงสร้างแรงบวกพอๆกับเชิงลบต่อตลาดทองคำ ส่วนตัวเลขตลาดแรงงาน และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานยังคงเคลื่อนไหวในระดับที่ต่ำ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดประการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะสั้น
ไม่เพียงเท่านี้ ความผันผวนในตลาดพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนี ยังเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดแรงขายในสกุลเงินยูโรออกมาและกดดันให้ราคาทองคำอ่อนตัวลง
ส่วนปัจจัยที่เคยเป็นแรงบวกให้ทองคำมาตลอดอย่างสถานการณ์ของกรีซ โดยรวมดูท่าทีอ่อนแรงลง เมื่อรัฐบาลกรีซออกมาระบุว่าจะรวบรวมตัวเลขหนี้ที่ต้องชำระ เพื่อจ่ายคืนในสิ้นเดือนมิถุนายน ทำให้สถานการณ์ในระยะสั้นดูเหมือนว่าจะยังคลุมเครือต่อไป
ดังนั้นภาพรวมการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงนี้ อาจต้องจับตาดูการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ หากราคามีการอ่อนตัวลงมา อาจต้องจับตาดูการตั้งบานทำระดับต่ำสุดใหม่ แต่หากไม่ทำระดับต่ำสุดใหม่ คาดการณ์ว่าอาจเห็นแรงรีบาวนด์ของราคาทองคำเพิ่มมากขึ้น หลังราคาทองคำอ่อนตัวลงมาในลักษณะเผชิญแรงขายมากจนเกินไป ถือเป็นปัจจัยสนับสนุนให้การดีดตัวขึ้นรอบนี้ทำได้ดีมากกว่าที่ผ่านมา
"ปัจจัยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วงนี้ อาจไม่มีความสำคัญมากเหมือนช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามยังจำเป็นที่จะต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน เช่นจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ตัวเลขยอดค้าปลีกในเดือนพฤษภาคม กลับกันอยากให้พิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งจีน หากปรับตัวดีขึ้นจะช่วยผลักดันให้กราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ โดยเฉพาะดัชนีผู้บริโภค และตัวเลขเงินเฟ้อ ซึ่งหากปรับตัวดีขึ้นถือว่าเศรษฐกิจของจีนดีขึ้น และจะมีผลให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นมาได้"
ทำให้กลยุทธ์การลงทุน มองไปที่แนวรับสำคัญ 1,160 เหรียญ/ออนซ์เป็นจุดทยอยเข้าสะสม โดยหากราคาสามารถตั้งฐานได้ในโซนดังกล่าว ก็จะมีโอกาสที่ราคาจะทยานขึ้นมาทดสอบแนวต้านที่ 1,190 เหรียญ/ออนซ์ ซึ่งหากสามารถทะลุแนวต้านดังกล่าวได้ ราคาก็มีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1,220 เหรียญ/ออนซ์ และถ้าหากไม่สามารถทะลุ1,220 เหรียญ/ออนซ์ ได้แนวโน้มของราคาทองคำยังอยู่ในขาลงแบบ Sideway Downดังนั้นเมื่อมีการปรับตัวขึ้นมา นักลงทุนที่ถือทองคำ อาจจะมีการแบ่งขายเพื่อทยอยลดความเสี่ยงจากการลงทุนบ้าง ขณะเดียวกันหากราคาทองคำอ่อนตัวลงมาหลุด 1,600 เหรียญ/ออนซ์ นักลงทุนระยะกลางที่ต้องการสะสมทองคำ อาจมองแนวรับที่ 1,140 เหรียญ/ออนซ์ในการเข้าซื้อ
"วรุต รุ่งขำ" ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของราคาทองคำว่า ในช่วงที่ผ่านมา ราคายังอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง จากแรงกดดันของแนวโน้มเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯที่ยังคงสดใสอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนเชื่อว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)จะยังคงมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสิ้นปีนี้
อย่างไรก็ตามด้วยกลางเดือนนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการ FOMC ทำให้นักลทุนบางส่วนชะลอการเข้าซื้อทองคำ เพิ่มเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น แต่ปัจจัยดังกล่าวยังคงสร้างแรงบวกพอๆกับเชิงลบต่อตลาดทองคำ ส่วนตัวเลขตลาดแรงงาน และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานยังคงเคลื่อนไหวในระดับที่ต่ำ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดประการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะสั้น
ไม่เพียงเท่านี้ ความผันผวนในตลาดพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนี ยังเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดแรงขายในสกุลเงินยูโรออกมาและกดดันให้ราคาทองคำอ่อนตัวลง
ส่วนปัจจัยที่เคยเป็นแรงบวกให้ทองคำมาตลอดอย่างสถานการณ์ของกรีซ โดยรวมดูท่าทีอ่อนแรงลง เมื่อรัฐบาลกรีซออกมาระบุว่าจะรวบรวมตัวเลขหนี้ที่ต้องชำระ เพื่อจ่ายคืนในสิ้นเดือนมิถุนายน ทำให้สถานการณ์ในระยะสั้นดูเหมือนว่าจะยังคลุมเครือต่อไป
ดังนั้นภาพรวมการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงนี้ อาจต้องจับตาดูการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ หากราคามีการอ่อนตัวลงมา อาจต้องจับตาดูการตั้งบานทำระดับต่ำสุดใหม่ แต่หากไม่ทำระดับต่ำสุดใหม่ คาดการณ์ว่าอาจเห็นแรงรีบาวนด์ของราคาทองคำเพิ่มมากขึ้น หลังราคาทองคำอ่อนตัวลงมาในลักษณะเผชิญแรงขายมากจนเกินไป ถือเป็นปัจจัยสนับสนุนให้การดีดตัวขึ้นรอบนี้ทำได้ดีมากกว่าที่ผ่านมา
"ปัจจัยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วงนี้ อาจไม่มีความสำคัญมากเหมือนช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามยังจำเป็นที่จะต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน เช่นจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ตัวเลขยอดค้าปลีกในเดือนพฤษภาคม กลับกันอยากให้พิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งจีน หากปรับตัวดีขึ้นจะช่วยผลักดันให้กราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ โดยเฉพาะดัชนีผู้บริโภค และตัวเลขเงินเฟ้อ ซึ่งหากปรับตัวดีขึ้นถือว่าเศรษฐกิจของจีนดีขึ้น และจะมีผลให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นมาได้"
ทำให้กลยุทธ์การลงทุน มองไปที่แนวรับสำคัญ 1,160 เหรียญ/ออนซ์เป็นจุดทยอยเข้าสะสม โดยหากราคาสามารถตั้งฐานได้ในโซนดังกล่าว ก็จะมีโอกาสที่ราคาจะทยานขึ้นมาทดสอบแนวต้านที่ 1,190 เหรียญ/ออนซ์ ซึ่งหากสามารถทะลุแนวต้านดังกล่าวได้ ราคาก็มีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1,220 เหรียญ/ออนซ์ และถ้าหากไม่สามารถทะลุ1,220 เหรียญ/ออนซ์ ได้แนวโน้มของราคาทองคำยังอยู่ในขาลงแบบ Sideway Downดังนั้นเมื่อมีการปรับตัวขึ้นมา นักลงทุนที่ถือทองคำ อาจจะมีการแบ่งขายเพื่อทยอยลดความเสี่ยงจากการลงทุนบ้าง ขณะเดียวกันหากราคาทองคำอ่อนตัวลงมาหลุด 1,600 เหรียญ/ออนซ์ นักลงทุนระยะกลางที่ต้องการสะสมทองคำ อาจมองแนวรับที่ 1,140 เหรียญ/ออนซ์ในการเข้าซื้อ