xs
xsm
sm
md
lg

TTCL : เติบโตอย่างมีศักยภาพ โบรกฯ เชื่อมั่นงานโรงไฟฟ้าช่วยผลักดัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ทีทีซีแอล” โดดเด่นงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าทั้งใน และนอกประเทศ สนับสนุนรายได้บริษัทขยายตัวระยะยาว แถมบวกเพิ่มจากเงินปันผลบริษัทร่วมทุน โบรกฯ คาด Solar Farm 2 แห่งที่ญี่ปุ่น ยิ่งช่วยผลักดันสัดส่วนรายได้ในอนาคตจากธุรกิจพลังงานขยายตัวอย่างน่าสนใจ โดย “ทรีนิตี้” แนะนำลงทุน ประเมินราคาเหมาะสมปี 58 ที่ระดับ 43.40 บาท

บล.ทรีนิตี้ ประเมินแนวโน้มธุรกิจ บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) หรือ TTCL ว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตขึ้นจากการรับรู้งานก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศ PPTC/SSUT และโครงการ Malaysia’s RAPID อีกทั้งจะรับรู้รายได้การบริหารโรงไฟฟ้า Ahlone ที่พม่ามากขึ้นหลังปรับปรุงระบบจาก Simple Cycle มาเป็น Combined Cycle ด้วยกำลังการผลิตที่ 120 MW ซึ่งจะช่วยหนุนผลประกอบการเติบโต และจะชัดเจนมากขึ้นในไตรมาส 3 อีกทั้งงานก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน ขนาด 1280 MW ที่พม่า จะหนุนทั้งรายได้จากงานก่อสร้าง และรายได้จากการบริหารโครงการ Backlog ในมือราว 4 หมื่นล้านบาท ประกอบกับงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินอีกราว 7.5 หมื่นล้านบาท สามารถรองรับรายได้ยาว 6-7 ปี

ทำให้แนวโน้มธุรกิจอุตสาหกรรมก่อสร้างยังคงเติบโต ทั้งจากฐานลูกค้าในประเทศ และต่างประเทศ ดังนั้น จึงเริ่มต้นคำแนะนำซื้อ โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 58 เท่ากับ 43.40 บาท ด้วยวิธี sum of the part มูลค่าจากธุรกิจก่อสร้าง 27.4 บาท อิง Average PE +0.5SD ที่ 30 เท่า และมูลค่าจากการลงทุนในโรงไฟฟ้า 16 บาท

ไม่เพียงเท่านี้ บริษัทยังมีรายรับจากเงินปันผลจากการถือหุ้นบุริมสิทธิใน บจ.นวนครการไฟฟ้า อายุสัมปทาน 25 ปี โดยรายรับจะอยู่ในรูปแบบของเงินปันผลในอัตรา 10.5% ซึ่งจากการลงทุนราว 642.7 ล้านบาทในโครงการดังกล่าว ทำให้ TTCLจะมีรายรับจากเงินปันผลอยู่ที่ราว 67.48 ล้านบาทต่อปี และจะเริ่มรับรู้ในปี 58 นี้เป็นปีแรก รวมไปถึงรายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 8 MW ที่บริษัทถือหุ้น 25% ในบริษัท สยามโซล่า เพาเวอร์ จำกัด ซึ่งเริ่มรับรู้รายได้แล้ว

นอกจากนี้ ยังคงศึกษาการลงทุนในโรงไฟฟ้าเพิ่มเติม เช่น โรงไฟฟ้า Solar Farm 2 แห่งในญี่ปุ่น ซึ่งผลตอบแทนจากการลงทุนในโรงไฟฟ้าแต่ละแห่งที่เริ่มรับรู้ชัดเจนขึ้นจะค่อยๆ เปลี่ยนโครงสร้างรายได้ของบริษัท ส่งผลให้รายได้จากการลงทุนในโรงไฟฟ้าเข้ามามีสัดส่วนต่อรายได้รวมมากขึ้น และค่อนข้างแน่นอน ซึ่งถือว่าเป็นการ diversify รายได้ของธุรกิจ และหนุนผลประกอบการให้มั่นคงยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ แนวโน้มธุรกิจอุตสาหกรรมก่อสร้างยังคงเติบโตทั้งจากฐานลูกค้าในประเทศ และต่างประเทศ อานิสงส์ค่าเงินบาทอ่อนหนุนรายได้จากโครงการในต่างประเทศ ในขณะที่รายได้จากการบริหารโรงไฟฟ้าจะหนุนผลการดำเนินให้เติบโตอย่างมั่นคง ดังนั้น เราจึงเริ่มต้นคำแนะนำซื้อ โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 58 เท่ากับ 43.40 บาท ด้วยวิธี sum of the part มูลค่าจากธุรกิจก่อสร้าง 27.4 บาท อิง Average PE +0.5SD ที่ 30 เท่า และมูลค่าจากการลงทุนในโรงไฟฟ้า 16 บาท (รวมโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินด้วยสมมติฐานการถือหุ้นที่ 20%)
กำลังโหลดความคิดเห็น