“หม่อมอุ๋ย” ชี้เงินบาทยังอ่อนค่าได้อีก แต่ไม่ได้รวดเร็วเหมือนเมื่อ 3 ปีก่อน ที่อ่อนค่าวันเดียวถึง 1 บาท ย้ำเป็นการช่วยผู้ส่งออก “ประสาร” ลั่นไทยจะไม่เข้าสู่วงจรเพื่อร่วมสงครามค่าเงิน เหมือนกับหลายประเทศที่ออกคิวอีเพื่อหนุนให้การส่งออกโต
หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า การที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าส่งผลให้การส่งออกเดือนเมษายนติดลบน้อยลงอยู่ที่ร้อยละ 1.7 จาก 3 เดือนแรกที่ติดลบถึงร้อยละ 4 ซึ่งมองว่า การอ่อนค่าของเงินบาทไม่ได้รวดเร็วเกินไป และยังอ่อนค่าลงได้อีกเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน หากเปรียบเทียบกับ 3 ปีที่ผ่านมา เงินบาทเคยอ่อนค่าภายในวันเดียวถึง 1 บาท แต่ในปัจจุบันใช้เวลาถึง 3 สัปดาห์เงินบาทถึงจะทันที เพราะในการส่งออกจะมีการกำหนดราคาซื้อขายล่วงหน้า 3-4 เดือน ซึ่งจะทำให้การส่งออกในไตรมาส 3 ปรับตัวดีขึ้นชัดเจน
ด้าน นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. กล่าวว่า การที่ธนาคารพาณิชย์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงตามที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.เป็นการช่วยบรรเทาภาระลูกค้าบางส่วน โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ซึ่งต้องดูแลเผื่อไว้เพราะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีสายป่านสั้นอาจกระทบสภาพคล่องได้ เพราะขณะนี้สถานการณ์เศรษฐกิจทั้งในตลาดโลก และไทยยังต้องใช้เวลาฟื้นตัว สิ่งใดที่ดำเนินการช่วยประคับประคองได้ก็จะช่วยทำ
นอกจากนี้ จากการที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. ประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาสแรกตามการปรับฐานใหม่ที่โตร้อยละ 0.3 ถือเป็นการฟื้นตัวแม้จะฟื้นตัวในระดับเล็กน้อยก็ตาม โดยมองว่าในช่วงครึ่งปีหลังยังมีแนวโน้มฟื้นตัวเล็กน้อย ซึ่งต้องให้กำลังใจคนทำงาน ซึ่งทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันในการประคับประคองเศรษฐกิจ
ส่วนเงินบาทที่อ่อนค่าลงมีส่วนช่วยให้ผู้ส่งออกมีรายได้ที่เป็นเงินบาทมากขึ้น แต่การที่ส่งออกจะขยายตัวได้มากหรือน้อยยังขึ้นกับกำลังซื้อของประเทศคู่ค้าเป็นหลัก ผลจากการแลกเปลี่ยนมีไม่มากนัก เพราะโครงสร้างของการส่งออกมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น ประเทศคู่ค้าสำคัญอย่างสหรัฐฯ ก็ลดการนำเข้า แต่การที่เงินบาทอ่อนค่ามีส่วนเพิ่มในการช่วยเพิ่มขีดความสามารถด้านราคาสินค้าส่งออกของไทย
อย่างไรก็ตาม สำหรับประเทศไทยแล้วค่าเงินบาทจะอ่อนค่าลง แต่ก็ไม่เข้าไปสู่วงจรของการทำสงครามค่าเงินเหมือนกับหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น สหรัฐฯ ยุโรป ที่มีการออกมาตรการอัดฉีดสภาพคล่อง หรือ QE ทำให้บัญชีของธนาคารกลางเพิ่มมากขึ้น