SPCG รุกคืบเตรียมเข้าไปลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มในฟิลิปปินส์ 100 เมกะวัตต์ และญี่ปุ่น 150 เมกะวัตต์ คาดสิ้นปีเริ่มเดินเครื่องทั้ง 2 โครงการ พร้อมขยับเตรียมลงทุนเพิ่มโครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน ฟุ้งรายได้ในปี 58 ไม่ต่ำ 5 พันล้านบาทแน่
น.ส.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการศึกษา และสรุปการลงทุนในโครงการพลังงานโซลาร์ฟาร์มที่ประเทศฟิลิปปินส์ ขนาดกำลังผลิตจำนวน 100 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งจะแบ่งทยอยก่อสร้าง คาดว่าจะเริ่มดำเนินโครงการปลายปีนี้
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นการร่วมลงทุนกับพันธมิตรในท้องถิ่น ซึ่งบริษัทจะมีสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 40% เนื่องจากกฎหมายประเทศฟิลิปปินส์ระบุว่า บริษัทภายในประเทศที่ร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติจะต้องมีการถือหุ้นในโครงการร่วมมากกว่า 60% ทั้งนี้ พันธมิตรที่ฟิลิปปินส์ได้รับใบอนุญาตให้ก่อสร้าง และจ่ายไฟฟ้าเข้าส่วนกลางแล้ว โดยได้รับค่า FiT จำนวน 7 บาท เป็นระยะเวลา 25 ปี
สำหรับโครงการโซลาร์ ฟาร์ม ที่ประเทศญี่ปุ่น ขนาดกำลังผลิต 150 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถดำเนินโครงการได้ภายในสิ้นปีนี้เช่นกัน ซึ่งจะใช้เงินลงทุน จำนวน 1,500 ล้านบาท เป็นไปตามสัดส่วนการถือหุ้นจำนวน 10% โดยบริษัทมีกระแสเงินสดอยู่ในมือแล้วจำนวน 3,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ การที่รัฐบาลอยู่ระหว่างเตรียมเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน หรือโซลาร์ฟาร์มชุมชน โดยจะให้หน่วยงานราชการ และสหกรณ์ภาคการเกษตร จำนวนรวม 800 เมกะวัตต์ โดยกำหนดจะต้องจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบภายในช่วงกลางปี 2559 บริษัทได้มีการเจรจากับสหกรณ์ต่างๆ บ้างแล้ว เบื้องต้น ต้องรอให้ภาครัฐกำหนดรายละเอียดให้ชัดเจนอีกครั้ง
น.ส.วันดี กล่าวว่า บริษัทยังคงดำเนินการแผนลงทุน 5 ปี (ปี 2557-2561) ที่จะมีขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์ฟาร์มทั้งสิ้น จำนวน 500 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีขนาดกำลังผลิตทั้งหมด 36 โครงการ จำนวน 260 เมกะวัตต์ ขณะเดียวกัน ได้คงเป้าหมายรายได้ปี 2558 ไว้ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท หรือเติบโต 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ จำนวน 4,410 ล้านบาท
น.ส.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการศึกษา และสรุปการลงทุนในโครงการพลังงานโซลาร์ฟาร์มที่ประเทศฟิลิปปินส์ ขนาดกำลังผลิตจำนวน 100 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งจะแบ่งทยอยก่อสร้าง คาดว่าจะเริ่มดำเนินโครงการปลายปีนี้
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นการร่วมลงทุนกับพันธมิตรในท้องถิ่น ซึ่งบริษัทจะมีสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 40% เนื่องจากกฎหมายประเทศฟิลิปปินส์ระบุว่า บริษัทภายในประเทศที่ร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติจะต้องมีการถือหุ้นในโครงการร่วมมากกว่า 60% ทั้งนี้ พันธมิตรที่ฟิลิปปินส์ได้รับใบอนุญาตให้ก่อสร้าง และจ่ายไฟฟ้าเข้าส่วนกลางแล้ว โดยได้รับค่า FiT จำนวน 7 บาท เป็นระยะเวลา 25 ปี
สำหรับโครงการโซลาร์ ฟาร์ม ที่ประเทศญี่ปุ่น ขนาดกำลังผลิต 150 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถดำเนินโครงการได้ภายในสิ้นปีนี้เช่นกัน ซึ่งจะใช้เงินลงทุน จำนวน 1,500 ล้านบาท เป็นไปตามสัดส่วนการถือหุ้นจำนวน 10% โดยบริษัทมีกระแสเงินสดอยู่ในมือแล้วจำนวน 3,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ การที่รัฐบาลอยู่ระหว่างเตรียมเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน หรือโซลาร์ฟาร์มชุมชน โดยจะให้หน่วยงานราชการ และสหกรณ์ภาคการเกษตร จำนวนรวม 800 เมกะวัตต์ โดยกำหนดจะต้องจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบภายในช่วงกลางปี 2559 บริษัทได้มีการเจรจากับสหกรณ์ต่างๆ บ้างแล้ว เบื้องต้น ต้องรอให้ภาครัฐกำหนดรายละเอียดให้ชัดเจนอีกครั้ง
น.ส.วันดี กล่าวว่า บริษัทยังคงดำเนินการแผนลงทุน 5 ปี (ปี 2557-2561) ที่จะมีขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์ฟาร์มทั้งสิ้น จำนวน 500 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีขนาดกำลังผลิตทั้งหมด 36 โครงการ จำนวน 260 เมกะวัตต์ ขณะเดียวกัน ได้คงเป้าหมายรายได้ปี 2558 ไว้ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท หรือเติบโต 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ จำนวน 4,410 ล้านบาท
