xs
xsm
sm
md
lg

ล่ำสูงฯ ไตรมาสแรกปีนี้พุ่ง 291%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ล่ำสูง (ประเทศไทย) เผยกำไรไตรมาสแรกปีนี้พุ่งกระฉูด 291.24% หลังรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งจากน้ำมันปาล์ม ผลิตภัณฑ์ปาล์มอื่นๆ และรายได้จากการจำหน่ายเครื่องดื่ม และน้ำผลไม้ “อัญชลี สืบจันทศิริ” แม่ทัพหญิงเผยผลปาล์มเริ่มทยอยออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลต่อราคาน้ำมันปาล์มดิบปรับลดลง หนุนผลงานไตรมาส 2 ปีนี้โตต่อเนื่อง

น.ส.อัญชลี สืบจันทศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ล่ำสูง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ LST เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2558 สิ้นสุด 31 มีนาคม 2558 ว่า มีกำไรสุทธิ 66.48 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.08 บาท เพิ่มขึ้น 49.49 ล้านบาทจากช่วงเดียวกับปีก่อนมีกำไรสุทธิ 16.99 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.02 บาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นสูงถึง 291.24%

โดยบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 61.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกับปีก่อน 2.97% ขณะที่รายได้จากการขายในส่วนของบริษัทฯ ลดลง 133.23 ล้านบาท คิดเป็น 7.33% เนื่องจากปริมาณขายลดลง 9.1% ในขณะที่ราคาขายถัวเฉลี่ยต่อหน่วยเพิ่มขึ้น 1.95%ในส่วนรายได้จากการขายของบริษัทย่อย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกับปีก่อน 194.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71.56%

โดยมีรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ปาล์มอื่นๆ เพิ่มขึ้น 137.09 ล้านบาท รายได้จากการจำหน่ายเครื่องดื่ม และน้ำผลไม้เพิ่มขึ้น 74.21 ล้านบาท และผักผลไม้แช่แข็งลดลง 18.07 ล้านบาท ขณะเดียวกัน บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้อื่นที่ไม่ได้เกิดจากการดำเนินงานตามปกติ จำนวน 23.29 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 1.07% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้น 8.86 ล้านบาท คิดเป็น 61.41% เนื่องจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์พลอยได้

ด้านต้นทุนขายของบริษัทฯ และบริษัทย่อยคิดเป็น 87.03% ของรายได้จากการขาย ขณะที่ต้นทุนขายในส่วนของบริษัทฯ ลดลงเป็น 90.27% เนื่องมาจากราคาน้ำมันปาล์มดิบปรับตัวลดลง 4.97% ขณะที่บริษัทย่อยที่มีธุรกิจสวนปาล์ม (UPOIC) มีอัตราส่วนต้นทุนขาย 102.7% ของรายได้รวมจากการขายเพิ่มขึ้น 30.3% โดยมีสาเหตุหลักมาจากต้นทุนผลปาล์มสดจากสวนของบริษัทที่เพิ่มขึ้นถึง 106.4% มีผลให้ต้นทุนปาล์มสดและต้นทุนการสกัดน้ำมันปาล์มดิบต่อหน่วยเพิ่มขึ้น ส่วนบริษัทย่อย (UFC) มีอัตราส่วนต้นทุนขาย 72.86% ของรายได้รวมจากการขาย

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 12.97% จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 10.85% โดยกำไรขั้นต้นในส่วนของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น 65.99 ล้านบาท เนื่องจากสาเหตุข้างต้น และแม้ว่ากำไรขั้นต้นในส่วนของบริษัทย่อย UPOIC จะลดลงก็ตาม แต่กำไรขั้นต้นของบริษัทฯ และบริษัทย่อยเพิ่มขึ้น 52.19 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23.04%


กำลังโหลดความคิดเห็น