“ขุนคลัง” ชี้การพัฒนาตลาดทุนต้องให้ดียิ่งกว่าเดิม เพื่อให้ได้การยอมรับจากนักลงทุนทุกประเภท

รมว.คลัง มองกรณี สศช. ปรับเป้าจีดีพีในปีนี้เป็นตัวเลขที่ไม่แตกต่างกันมากกับของกระทรวงการคลัง เตรียมเร่งเบิกจ่ายโครงการขนาดใหญ่ในช่วงปลายปี ลั่นการพัฒนาตลาดทุนต้องให้ดียิ่งกว่าเดิม เพื่อให้ได้รับการยอมรับจากนักลงทุนทั้งใน และต่างประเทศ นักลงทุนรายย่อย และนักลงทุนสถาบัน ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือของทุกฝ่าย พร้อมยอมรับตลาดตราสารหนี้ และตลาดทุนไทยมีการเติบโตที่สูงมาก

นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวระหว่างร่วมงานสัมมนาสถาบันการพัฒนาตลาดทุนอย่างยั่งยืน ในภูมิภาคอาเซียน โดยระบุว่า กรณีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ปรับเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจเหลือร้อยละ 3-4 ขณะที่กระทรวงการคลัง จีดีพีเหลือร้อยละ 3.7 นับว่าเป็นตัวเลขที่ไม่แตกต่างกันมาก เพราะใช้สมมติฐานแต่ละด้าน โดยจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจของหลายประเทศต่ำมากปี 2557 และปี 2558 ทั้งจีน เกาหลีใตั มาเลเซีย ขณะที่ประเทศไทยยังดีกว่าหลายประเทศ

นายสมหมาย กล่าวว่า หวังการอัดฉีดเงินออกสู่ระบบผ่านโครงการลงทุนขนาดใหญ่เมื่อเริ่มใช้เงินงบประมาณปี 2559 ตั้งแต่เดือนกันยายนี้ เพื่อให้เงินเริ่มออกสู่ระบบปลายปีนี้ ด้วยการเสนอนายกรัฐมนตรีสั่งการให้ส่วนราชการเตรียมแผนโครงการลงทุนตั้งแต่การพิจารณางบประมาณาวาระ 2 ในการจัดซื้อจัดจ้าง เพราะเมื่อผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้ว จะเริ่มมีเงินออกสู่ระบบอย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องรอจนถึงขั้นตอนสุดท้าย ทำให้ปี 2559 เศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่ปลายปีนี้

สำหรับการพัฒนาตลาดทุนนั้น นายสมหมาย ยอมรับว่า ตนเองมีความพอใจต่อการพัฒนาตลาดทุนด้านต่างๆ และเมื่อไทยได้เป็นสมาชิกของ SSE ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาตลาดทุนของการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (อังค์ถัด) องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) นับว่าเป็นสิ่งดี เพราะเป็นสิ่งที่ตลาดหลักทรัพย์ไทย (ตลท.) ได้รับความน่าเชื่อถือจากองค์กรระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ ประเทศไทยต้องมีการพัฒนาตลาดทุนให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมเพื่อได้รับการยอมรับจากนักลงทุนทั้งใน และต่างประเทศ นักลงทุนรายย่อย และนักลงทุนสถาบัน ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือของฝ่ายต่างๆ เพราะทั้งตลาดตราสารหนี้ และตลาดทุนได้มีการเติบโตที่สูงมาก