สยามสตีลอินเตอร์เนชั่นแนล แตกไลน์ธุรกิจรุกผลิตสินค้าใหม่ “ห้องน้ำสำเร็จรูป” คาดจะมีการเซ็นสัญญากับลูกค้าโครงการคอนโดมิเนียมเร็วๆ นี้ รวมทั้งมีแผนร่วมทุนกับพันธมิตรต่างประเทศ เพื่อผลิตสินค้ากลุ่ม Civil Engineering Products คาดผลประกอบการช่วงที่เหลือของปีมีแนวโน้มดีขึ้น
นายสุรพล คุณานันทกุล รองผู้อำนวยการบริษัท สยามสตีลอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ SIAM ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์และอาคารสำเร็จรูป เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทได้แตกไลน์ธุรกิจด้วยการหันมาผลิตสินค้าห้องน้ำสำเร็จรูป ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ซึ่งช่วงแรกจะเน้นเจาะลูกค้าโครงการคอนโดมิเนียม โดยที่ผ่านมา เริ่มมีลูกค้านำสินค้าของบริษัทไปติดตั้งในห้องตัวอย่างบ้างแล้ว และขณะนี้บริษัทกำลังอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ 2 ราย ที่สนใจนำห้องน้ำสำเร็จรูปของบริษัทไปติดตั้งในโครงการคอนโดฯ ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง จำนวนรวมประมาณ 3,300 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 180 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าภายในเดือน มิ.ย.นี้ บริษัทจะสามารถลงนามในสัญญาซื้อขายกับผู้ประกอบการอสังหาฯ ได้อย่างน้อย 1 ราย
“บริษัทพัฒนาห้องน้ำสำเร็จรูปมาเพื่อตลาดเมืองไทย และเชื่อว่าจะสามารถเปลี่ยนวิวัฒนาการการก่อสร้างคอนโดมิเนียมของตลาดเมืองไทยได้ โดยจะไปช่วยลดปัญหาจุดคอขวดของการก่อสร้างคอนโดฯ ทั้งระบบ จากเดิมที่การสร้างห้องน้ำจะต้องใช้แรงงานในการปูกระเบื้องทีละแผ่น ก็จะเปลี่ยนมาเป็นสามารถนำห้องน้ำสำเร็จรูปไปติดตั้งได้เลย จึงมั่นใจว่าห้องน้ำสำเร็จรูปของบริษัทจะได้รับความนิยม และการตอบรับที่ดีในตลาดไทย เพราะจะช่วยร่นระยะเวลาให้การก่อสร้างให้เร็วขึ้น ซึ่งนอกจากลูกค้าคอนโดฯ แล้ว บริษัทยังมีแผนขยายตลาดเข้าสู่ลูกค้ากลุ่มโรงแรมอีกด้วย โดยตั้งเป้าจะมีรายได้จากห้องน้ำสำเร็จรูปประมาณ 200-300 ล้านบาทต่อปี” นายสุรพล กล่าว
นายสุรพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อร่วมทุนผลิตสินค้าในกลุ่ม Civil Engineering Products ที่ใช้เหล็กเป็นวัตถุดิบหลัก เช่น ระบบป้องกันน้ำท่วม ไซโลสำหรับเก็บพืชผลทางการเกษตร แท็งก์เก็บน้ำขนาดใหญ่ ท่อหรืออุโมงค์ผันน้ำ แผนกั้นเพื่อกรองเสียง (Noise Barriers) สำหรับทางหลวงและทางยกระดับ เป็นต้น โดยคาดว่าภายในเดือนนี้จะมีการเซ็นเอ็มโอยูกับพันธมิตร เพื่อศึกษารายละเอียดก่อนจะพิจารณาเรื่องการร่วมทุนต่อไป
ทั้งนี้ ปัจจุบันรายได้ส่วนใหญ่ราว 90% มาจากยอดขายในประเทศ ซึ่งสินค้าหลักของ SIAM มาจากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน อาคารสำเร็จรูปอเนกประสงค์ และผนังกั้นน้ำ (Water stop panel) ซึ่งผลิตออกมาราว 2 ปีแล้ว มีลูกค้าเป็นโครงการภาครัฐ และห้องน้ำสำเร็จรูป ที่จะเริ่มจำหน่ายในปีนี้
สำหรับผลประกอบการในงวดไตรมาส 3 ปี 57/58 (ม.ค.-มี.ค.58) นายสุรพล เปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้รวม 415 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันปีก่อน คิดเป็น 22% ซึ่งเหตุผลหลักที่รายได้ในงวดนี้ลดลง มาจากยอดขายอาคารสำเร็จรูปอเนกประสงค์ในต่างประเทศที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทเริ่มมีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเข้ามา และคาดว่าจะมีต่อเนื่องทุกไตรมาสนับจากนี้ ประมาณ 20-30 ล้านบาท/ไตรมาส
ขณะที่งวด 9 เดือนแรกปีนี้ (ก.ค.57-มี.ค.58) บริษัทขาดทุนสุทธิ 31.1 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 187.64 ล้านบาท เนื่องจากปีก่อนบริษัทมีการตั้งสำรองจากค่าชดเชยสินค้าชำรุดในต่างประเทศเป็นเงิน 185 ล้านบาท แต่ปีนี้ไม่มี ขณะเดียวกัน ปีนี้ค่าใช้จ่ายด้านการบริหารงานปรับตัวลดลงด้วย ซึ่งเป็นผลจากการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
นายสุรพล กล่าวต่อว่า บริษัทยังคงมีแผนดำเนินการพัฒนาบุคลากรด้านการตลาด และการผลิต และเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และเพิ่มยอดขาย จึงมั่นใจว่าแนวโน้มรายได้ปีนี้จะปรับตัวดีขึ้น ขณะที่บริษัทมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และเป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้ โดยมีเงินสดในมือกว่า 100 ล้านบาท
นายสุรพล คุณานันทกุล รองผู้อำนวยการบริษัท สยามสตีลอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ SIAM ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์และอาคารสำเร็จรูป เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทได้แตกไลน์ธุรกิจด้วยการหันมาผลิตสินค้าห้องน้ำสำเร็จรูป ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ซึ่งช่วงแรกจะเน้นเจาะลูกค้าโครงการคอนโดมิเนียม โดยที่ผ่านมา เริ่มมีลูกค้านำสินค้าของบริษัทไปติดตั้งในห้องตัวอย่างบ้างแล้ว และขณะนี้บริษัทกำลังอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ 2 ราย ที่สนใจนำห้องน้ำสำเร็จรูปของบริษัทไปติดตั้งในโครงการคอนโดฯ ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง จำนวนรวมประมาณ 3,300 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 180 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าภายในเดือน มิ.ย.นี้ บริษัทจะสามารถลงนามในสัญญาซื้อขายกับผู้ประกอบการอสังหาฯ ได้อย่างน้อย 1 ราย
“บริษัทพัฒนาห้องน้ำสำเร็จรูปมาเพื่อตลาดเมืองไทย และเชื่อว่าจะสามารถเปลี่ยนวิวัฒนาการการก่อสร้างคอนโดมิเนียมของตลาดเมืองไทยได้ โดยจะไปช่วยลดปัญหาจุดคอขวดของการก่อสร้างคอนโดฯ ทั้งระบบ จากเดิมที่การสร้างห้องน้ำจะต้องใช้แรงงานในการปูกระเบื้องทีละแผ่น ก็จะเปลี่ยนมาเป็นสามารถนำห้องน้ำสำเร็จรูปไปติดตั้งได้เลย จึงมั่นใจว่าห้องน้ำสำเร็จรูปของบริษัทจะได้รับความนิยม และการตอบรับที่ดีในตลาดไทย เพราะจะช่วยร่นระยะเวลาให้การก่อสร้างให้เร็วขึ้น ซึ่งนอกจากลูกค้าคอนโดฯ แล้ว บริษัทยังมีแผนขยายตลาดเข้าสู่ลูกค้ากลุ่มโรงแรมอีกด้วย โดยตั้งเป้าจะมีรายได้จากห้องน้ำสำเร็จรูปประมาณ 200-300 ล้านบาทต่อปี” นายสุรพล กล่าว
นายสุรพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อร่วมทุนผลิตสินค้าในกลุ่ม Civil Engineering Products ที่ใช้เหล็กเป็นวัตถุดิบหลัก เช่น ระบบป้องกันน้ำท่วม ไซโลสำหรับเก็บพืชผลทางการเกษตร แท็งก์เก็บน้ำขนาดใหญ่ ท่อหรืออุโมงค์ผันน้ำ แผนกั้นเพื่อกรองเสียง (Noise Barriers) สำหรับทางหลวงและทางยกระดับ เป็นต้น โดยคาดว่าภายในเดือนนี้จะมีการเซ็นเอ็มโอยูกับพันธมิตร เพื่อศึกษารายละเอียดก่อนจะพิจารณาเรื่องการร่วมทุนต่อไป
ทั้งนี้ ปัจจุบันรายได้ส่วนใหญ่ราว 90% มาจากยอดขายในประเทศ ซึ่งสินค้าหลักของ SIAM มาจากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน อาคารสำเร็จรูปอเนกประสงค์ และผนังกั้นน้ำ (Water stop panel) ซึ่งผลิตออกมาราว 2 ปีแล้ว มีลูกค้าเป็นโครงการภาครัฐ และห้องน้ำสำเร็จรูป ที่จะเริ่มจำหน่ายในปีนี้
สำหรับผลประกอบการในงวดไตรมาส 3 ปี 57/58 (ม.ค.-มี.ค.58) นายสุรพล เปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้รวม 415 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันปีก่อน คิดเป็น 22% ซึ่งเหตุผลหลักที่รายได้ในงวดนี้ลดลง มาจากยอดขายอาคารสำเร็จรูปอเนกประสงค์ในต่างประเทศที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทเริ่มมีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเข้ามา และคาดว่าจะมีต่อเนื่องทุกไตรมาสนับจากนี้ ประมาณ 20-30 ล้านบาท/ไตรมาส
ขณะที่งวด 9 เดือนแรกปีนี้ (ก.ค.57-มี.ค.58) บริษัทขาดทุนสุทธิ 31.1 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 187.64 ล้านบาท เนื่องจากปีก่อนบริษัทมีการตั้งสำรองจากค่าชดเชยสินค้าชำรุดในต่างประเทศเป็นเงิน 185 ล้านบาท แต่ปีนี้ไม่มี ขณะเดียวกัน ปีนี้ค่าใช้จ่ายด้านการบริหารงานปรับตัวลดลงด้วย ซึ่งเป็นผลจากการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
นายสุรพล กล่าวต่อว่า บริษัทยังคงมีแผนดำเนินการพัฒนาบุคลากรด้านการตลาด และการผลิต และเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และเพิ่มยอดขาย จึงมั่นใจว่าแนวโน้มรายได้ปีนี้จะปรับตัวดีขึ้น ขณะที่บริษัทมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และเป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้ โดยมีเงินสดในมือกว่า 100 ล้านบาท