xs
xsm
sm
md
lg

“คลัง” สั่ง “สรรพากร” เข้มงวดเก็บภาษีผู้ประกอบการครึ่งปี พร้อมจี้แบงก์ส่งข้อมูลเพิ่มการหักภาษี ดบ.รับ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“คลัง” สั่ง “สรรพากร” เข้มงวดเก็บภาษีผู้ประกอบการครึ่งปี หวังใช้ช่วยโปะผลงานการจัดเก็บต่ำกว่าเป้า พร้อมเดินหน้าไล่ตรวจยอดภาษีในแต่ละท้องที่เพื่อวัดผล และอุดช่องโหว่การทุจริต เผยได้ยกเลิกการผ่อนผันแจ้งยอดภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากรายได้ของ ดบ. ผู้ฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์ และธนาคารของรัฐทุกแห่ง จากเดิมที่ให้ธนาคารยื่นแต่ยอดรวมให้แก่กรมสรรพากรรับทราบเท่านั้น โดยต่อไปนี้ธนาคารจะต้องส่งข้อมูลการหักภาษี ณ ที่จ่ายของ ดบ.รับ แยกเป็นรายให้ครบทุกราย

นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งให้กรมสรรพากรเข้มงวดการเก็บภาษีนิติบุคคลรอบครึ่งปี ซึ่งจะเริ่มมีการจ่ายกันในเดือน ส.ค.2558 นี้เป็นต้นไป เพื่อให้การเก็บภาษีของกรมเพิ่มขึ้น หลังจากที่ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา กรมสรรพากรเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้าหลายหมื่นล้านบาท

สำหรับมาตรการเก็บภาษีนิติบุคคล ขณะนี้ได้รับทราบว่า กรมสรรพากรได้เรียกผู้ประกอบการมาทำความเข้าใจว่า ไม่ให้มีการประเมินกำไรครึ่งปีต่ำกว่าเป็นจริงเพื่อทำให้เสียภาษีน้อย โดยกรมสรรพากรได้มีการเปรียบเทียบรายได้ของผู้ประกอบการที่อยู่อุตสาหกรรมเดียวกันว่าควรมีทิศทางเดียวกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ประกอบการเสียภาษีรอบครึ่งปีต่ำกว่าเป็นจริง เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ มีผู้ประกอบการรายหนึ่งเสียภาษีรอบครึ่งปีมาก แต่อีกบริษัทหนึ่งเสียภาษีลดลง ก็เป็นเรื่องที่จะต้องถูกตรวจสอบ ทบทวนการเสียภาษีใหม่

“ที่ผ่านมากรมสรรพากรทำการตรวจสอบการเสียภาษีก่อนเสียจริงเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งกระทรวงการคลังให้ความสำคัญเรื่องนี้ และได้สั่งการให้อธิบดีกรมสรรพากรรับทราบแล้ว เพราะกระทรวงการคลังไม่ปล่อยเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บภาษีของกรมต่างๆ อยู่แล้ว”

นอกจากนี้ ยังให้กรมสรรพากรตรวจสอบการเสียภาษีของแต่ละพื้นที่ด้วย โดยเฉพาะพื้นที่ภาษีที่อยู่ติด หรือใกล้เคียงกันก็ควรมีการเก็บภาษีไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ควรแตกต่างกันมาก การที่เขตพื้นที่หนึ่งเก็บภาษีได้มาก แต่พื้นที่ติดกันเก็บภาษีได้น้อย ทางกรมสรรพากรก็ต้องเข้าไปตรวจสอบว่ามีความผิดปกติมาจากสาเหตุอะไร

นายรังสรรค์ กล่าวอีกว่า นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ให้ความสำคัญต่อการปราบปรามทุจริตและการอุดช่องรั่วของภาษีอย่างมาก โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) กระทรวงการคลัง มีมติไล่ข้าราชการกรมสรรพากรระดับ 9 ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำความผิดร้ายแรงเรื่องการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มส่งออกเป็นเท็จ ทำให้รัฐเสียหาย 3.2 พันล้านบาท ขณะที่การสอบผู้บริหารกรมสรรพากรระดับสูงอีก 3 คน จะสรุปได้ในเดือนหน้า

ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวเสริมว่า ขณะนี้กรมสรรพากรได้ยกเลิกการผ่อนผันแจ้งยอดภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากรายได้ของดอกเบี้ยผู้ฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์ และธนาคารของรัฐทุกแห่ง จากเดิมที่ให้ธนาคารยื่นแต่ยอดรวมให้แก่กรมสรรพากรรับทราบเท่านั้น โดยต่อไปนี้ธนาคารจะต้องส่งข้อมูลการหักภาษี ณ ที่จ่ายของดอกเบี้ยรับแยกเป็นรายให้ครบทุกราย ซึ่งจะทำให้กรมสรรพากรตรวจสอบได้ว่า ผู้ฝากเงินมีการเสียภาษี หรือการขอคืนภาษีถูกต้องหรือไม่

นอกจากนี้ ยังใช้เป็นฐานข้อมูลในการติดตามให้มีการเสียภาษีให้ครบ ในกรณีที่มีผู้เสียภาษีไม่ครบ แต่มีบัญชีเงินฝากอยู่ ทางกรมสรรพากรจะได้เข้าไปอายัดบัญชีให้มาเสียภาษีให้ครบตามที่ต้องเสียจริง
กำลังโหลดความคิดเห็น