xs
xsm
sm
md
lg

บล.กสิกรไทย หวังมาร์เกตแชร์แตะ 5% คาดกำไรโตทะลุ 1,000 ล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายธิติ ตันติกุลานันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ก
บล.กสิกรไทย ตั้งเป้ามาร์เกตแชร์ในธุรกิจโบรกเกอร์ปีนี้เติบโตไม่น้อยกว่า 5% จาก 4.48% ในปัจจุบัน เร่งโรดว์โชว์สร้างฐานลูกค้าบัญชีใหม่อีกไม่น้อยกว่า 18,000 บัญชี จากทั้งหมด 140,000 บัญชี ดันกำไรทะลุ 1,000 ล้านบาท เผยสถานการณ์ตลาดหุ้นไตรมาส 2 ทรุด วอลุ่มแผ่ว อาจหลุดแตะ 1,450 จุด แนะปรับลดพอร์ตกระจายความเสี่ยง

นายธิติ ตันติกุลานันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัย์ในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 5% จาก 4.48% ในปัจจุบัน พร้อมทั้งจะปรับกลยุทธ์ในการทำธุรกิจใหม่เพื่อให้อยู่ในลำดับ 1 ใน 3 ของบริษัทหลักทรัพย์ที่มีอันดับมาร์เกตแชร์สูงสุด จากปัจจุบันอยู่ในลำดับที่ 5 โดยจะเน้นการโรดโชว์เพื่อสร้างนักลงทุนรายใหม่เพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 18,000 บัญชีในปีนี้ จากจำนวน 140,000 บัญชีทั้งหมดในปัจจุบัน  โดยเป็นบัญชีที่มีการเคลื่อนไหว จำนวน 36% พร้อมทั้งจะพัฒนาระบบการส่งคำสั่งซื้อขายออนไลน์ (Online Trader) ให้มีความสามารถเพิ่มมากขึ้น เช่น การเทรดหุ้นโดยอัตโนมัติตามค่าคำสั่งที่ลูกค้าตั้งไว้ซึ่งมีความสะดวกในการซื้อขาย และการเปิดให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศ พร้อมทั้งประมาณการกำไรสุทธิในปีนี้คาดว่าจะเติบโตไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท หรือกว่า 10% เทียบสัดส่วนที่ทำได้จากปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 900 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันสัดส่วนฐานลูกค้าของบริษัทฯ แบ่งออกเป็นนักลงทุนบุคคล 80% และสถาบัน 20% ขณะที่ในส่วนของการจัดเก็บค่าธรรมเนียมซื้อขาย (ค่าคอมมิชชัน) อยู่ที่ 0.18%  ซึ่งถือว่ามากกว่าหากเทียบกับทั้งค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรม แต่บริษัทฯ มีความได้เปรียบคู่แข่งในเรื่องคุณภาพของการให้บริการ และข้อมูลที่สำคัญที่จำเป็นต่อการลงทุน ซึ่งมีประโยชน์และมีประสิทธิภาพมากกว่าหากเทียบกับบริษัทคู่แข่งรายอื่นๆ ขณะที่ในส่วนของจำนวนเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุน (Investment Consultant : IC) ของบริษัทปัจจุบันมีอยู่ จำนวน 340 คน ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยเพื่อให้เพียงพอต่อนักลงทุนรายใหม่ที่เพิ่มเข้ามา โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ขณะนี้จะเน้นระบบซื้อขายออนไลน์ผ่านอินเทอร์เน็ตมากยิ่งขึ้น โดยคิดเป็นสัดส่วนถึง 65% ของปริมาณการซื้อขายรวม ซึ่งทำให้บริษัทฯ ไม่มีความจำเป็นที่จะเพิ่้มเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนเหมือนสมัยก่อนที่ยังใช้ระบบเก่า

“บริษัทฯคาดว่าปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของตลาดหุ้นไทยในปีนี้จะลดลงเหลือเพียง 45,000 ล้านบาท/วัน ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า ซึ่งจากประมาณการเดิมที่่ตั้งไว้จะอยูที่ระดับ 48,000 ล้านบาท/วัน สาเหตุหลักมาจากการที่เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลง และแนวโน้มทิศทางของการลงทุนในไตรมาส 2 มีแนวโน้มที่ค่าเงินบาทอาจอ่อนค่าลงไปแตะที่ระดับอัตราแลกเปลี่ยน 34.50 บาท/เหรียญสหรัฐ ตามนโยบายภาครัฐเพื่อช่วยกระตุ้นภาคอุตสาหกรรมการส่งออกให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวขึ้น และเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น” 

ขณะที่ นายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวเสริมว่า แนวโน้มดัชนี SET INDEX อาจมีโอกาสปรับตัวลดลงไปถึงระดับต่ำสุดที่ 1,450 จุด ในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้  ซึ่งเป็นไปตามภาพรวมจากการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ในไตรมาส 1 ที่ออกมาต่ำกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้ โดยแนะนำให้นักลงทุนทยอยปรับลดพอร์ตลงเพื่อกระจายความเสี่ยง และเน้นถือเงินสดมากขึ้น หากดัชนี SET INDEX ปรับตัวขึ้นเกิน 1,500 จุด ขณะที่แนวโน้มคาดการณ์อัตราการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนไทยในปีนี้อาจปรับลดลงน้อยน้อยกว่า 30% จากที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งต้องรอดูสถานการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจ และกลุ่มอุตสาหกรรมทั้งหมดที่จะทยอยประกาศออกมาก่อน
กำลังโหลดความคิดเห็น