xs
xsm
sm
md
lg

เอเชีย เวลท์ คาดปัจจัยภายในประเทศยังกดดันตลาด ชี้ SET แกว่งตัว 1,490-1,530 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า
บล.เอเชีย เวลท์ คาดตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากปัจจัยภายในประเทศ ทั้งตัวเลขการส่งออกที่ติดลบ และ NPLs ของธนาคารที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 1/58 ด้านปัจจัยภายนอกที่เริ่มผ่อนคลายลง หลังจากตัวเลข Non-farm payroll ออกมาดีขึ้น แต่ก็ไม่ดีมากพอจน Federal Reserve จะต้องรีบขึ้นดอกเบี้ย แต่การเจรจาแก้ปัญหาหนี้ของกรีซก็ยังไม่จบ และยังมีความเสี่ยงว่าจะล้มเหลวด้วย มองกรอบดัชนี SET INDEX สัปดาห์นี้แตะ 1,490-1,530 จุด
 
นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นยังได้รับแรงกดดันทั้งปัจจัยภายใน และภายนอกประเทศ โดยเฉพาะปัจจัยภายในประเทศ ตัวเลขส่งออกที่ติดลบในไตรมาส 1/58 และ NPLs ของธนาคารที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 1/58 ที่ยังจะก่อให้เกิดความวิตกกังวลต่อเศรษฐกิจไทยอยู่ และส่งผลกดดันตลาดในสัปดาห์นี้ ก่อนการประกาศตัวเลข GDP ของไทยสำหรับไตรมาส 1/58 ของสภาพัฒน์ ปลายสัปดาห์

ขณะเดียวกัน ด้านบริษัทจดทะเบียนฯ สัปดาห์นี้ใกล้จะหมดฤดูกาลประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกแล้ว ซึ่งจากที่ประเมินมีหลายธุรกิจที่มีผลประกอบการที่ดี และโดดเด่นอยู่มาก เนื่องจาก ธุรกิจมีการฟื้นตัว หรือ Turnaround เช่น PTTGC, WORK, THCOM และธุรกิจโรงแรมและอาหาร ขณะเดียวกัน ธุรกิจกลุ่มแบงก์ ผลประกอบการออกมามี NPLs เพิ่มขึ้นเป็นส่วนใหญ่ ได้แก่ TMB, KTB, KBANK, และ SCB อีกทั้งการปล่อยสินเชื่อยังคงชะลอตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจ SME ที่เกี่ยวกับการส่งออก ผลประกอบการของบริษัทเหล่านี้ไม่เป็นไปตามเป้า อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการโดยรวมแล้วยังน่าจะเป็นไปตามนักวิเคราะห์คาด ซึ่งจะต้องติดตามตัวเลขสรุปที่ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเปิดเผยต่อไป  นอกจากนี้ ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าแม้จะดีต่อภาคส่งออกในระยะต่อไป แต่ส่งผลให้ต่างชาติขายทำกำไรออกในระยะสั้น เพื่อจำกัดผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน

สำหรับปัจจัยภายนอกประเทศที่กดดันตลาดก่อนหน้านี้เริ่มผ่อนคลายลง หลังจากตัวเลข Non-farm payroll ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-farm payroll) ของสหรัฐฯ ที่ได้ประกาศในวันศุกร์ถือว่าออกมาดีพอสมควร แต่ไม่ได้ดีเกินไป ซึ่งบ่งชี้ว่า เศรษกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวดีขึ้นแล้วแต่ยังไม่เพียงพอที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะต้องรีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเร็ววัน ขณะที่ตลาดคาดการณ์ล่าสุดว่า Fed จะปรับขึ้นในช่วงเดือนกันยายนเป็นอย่างเร็วที่สุด ซึ่งจะกระทบต่อตลาดหุ้น

อย่างไรก็ตาม ด้านปัญหาหนี้สาธารณะในยูโรโซน และปัญหาสภาพคล่องในกรีซ ที่รัฐบาลกรีซยังคงปฏิเสธเงื่อนไขหนี้เงินช่วยเหลือสำคัญทั้ง 3 ประการ ที่ทางเจ้าหนี้ระบุ คือ การลดและตัดทอนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ การปฏิรูปตลาดแรงงาน และการลดค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ ซึ่งการปฏิเสธครั้งนี้อาจทำให้ทั้ง ECB และ IMF ไม่ปล่อยสินเชื่อเพิ่มเติมให้แก่กรีซ และอาจจะทำให้กรีซผิดนัดชำระหนี้ที่จะครบกำหนดจ่าย (Default) ให้แก่ IMF ในเดือนพฤษภาคมนี้ได้ อย่างไรก็ตาม หากกรีซเกิด Default ขึ้นมาจริงๆ ก็จะเป็นผลลบระยะสั้นต่อตลาดหุ้น แต่จะไม่กระทบต่อภาคธนาคารเอกชนในประเทศอื่นๆ ในยุโรป เพราะไม่ได้ให้สินเชื่อแก่กรีซแล้วตั้งแต่ปี 2012

“เรามองกรอบดัชนีสัปดาห์นี้ที่ 1,490-1,530 จุด โดยแนะนำให้ผู้ลงทุนระยะสั้นใช้ กลยุทธ์ ลงซื้อ ขึ้นขาย กำหนดจุดขายและ stop loss อย่างมีวินัย ส่วนผู้ลงทุนระยะยาวค่อยๆ เข้าเก็บหุ้นพื้นฐานดีที่มี story เฉพาะตัว หรืออยู่ใน theme ปันผลสูง หรือ turnaround ชัดเจนในเวลาตลาดลง”

ทั้งนี้ ในส่วนของ Trading Idea ของ บล.เอเชีย เวลท์ แนะนำลงทุนในหุ้น TCAP ของบริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนชาต ที่ประกอบธุรกิจทางการเงินครบวงจร เช่น ธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจประกัน ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ และธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อ โดยให้บริการผ่านธนาคารธนชาตเป็นหลัก
 
“TCAP มีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดี และมีหนี้สงสัยจะสูญ หรือ NPLs ไม่มากนัก แถมกลับลดลงสวนทางคู่แข่งในไตรมาส 1/58 ทำให้ TCAP มีฐานะการเงินที่เข้มแข็ง และหากมองทางด้านเทคนิค Price chart ของ TCAP ที่เป็น Sideway มา 3 เดือน เพิ่งปรากฏสัญญาณซื้อรายวัน หรือ Daily buy signal เราจึงแนะนำซื้อ โดยเรามองราคาเป้าหมายทางพื้นฐานปีนี้ไว้ที่ 38 บาท หรือมี upside ที่ประมาณ 10% โดยธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อของ TCAP เป็นสัดส่วนที่ใหญ่ของพอร์ตสินเชื่อ ซึ่งจะได้ประโยชน์ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยลดจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่กว้างขึ้น เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในส่วนของพอร์ตสินเชื่อจะไม่ได้ลดลงตามตลาด ในขณะที่ในฝั่ง Funding อัตราดอกเบี้ยจะลดลงตามตลาด แม้ธุรกิจสินเชื่อยานยนต์จะยังชะลอตัวอยู่นับตั้งแต่สิ้นสุดโครงการรถยนต์คันแรก แต่ในช่วงที่ผ่านมา ผลประกอบการในส่วนนี้เริ่มเป็นบวก และมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ดีในระยะต่อไป”
กำลังโหลดความคิดเห็น