xs
xsm
sm
md
lg

เผย Bond yield สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลต่อตลาดเกิดใหม่ นลท. อาจย้ายเงินกลับ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


หุ้นปิดครึ่งวันเช้าปรับตัวลง 12 จุด สอดคล้องต่อตลาดในภูมิภาค นักวิเคราะห์ฯ มองแนวโน้มดัชนีฯ ยังคงแกว่งตัวแบบไซด์เวย์ และอาจจะยังติดลบอยู่แต่คงไม่ปรับลงลึก ส่วนเรื่อง Bond yield ของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นเป็นเวลา 1 สัปดาห์ติดต่อกัน ทำให้เป็นลบต่อประเทศเกิดใหม่ นักลงทุนอาจมีการย้ายเงินทุนกลับไปได้

ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (7 พ.ค.) ดัชนีปิดครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,507.58 จุด ลดลง 12.30 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.81% มูลค่าการซื้อขาย 24,376.25 ล้านบาท โดยภาพรวมในช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ ดัชนีแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 1,521.86 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 1,503.69 จุด

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรินีตี้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงสอดคล้องต่อตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างอยู่ในแดนลบกันทั่วหน้า ทั้งนี้ ตลาดบ้านเรายังได้หุ้นในกลุ่มแบงก์ช่วยพยุงดัชนีฯ เอาไว้ หลังจากที่ผ่านมา ได้ปรับตัวลงไปมากและทำให้มี Downside จำกัดแล้ว

อีกทั้งตอนนี้ valuation ของหุ้นในกลุ่มแบงก์หลายตัวก็ถือว่ามี valuation ที่ถูก นอกจากนี้ ยังได้หุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลช่วยประคองดัชนีเอาไว้ได้ด้วย หลังจากที่งบฯ ของ บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) ออกมาดีมาก

ด้านปัจจัยจากนอกประเทศในเรื่องของกรีซ ขณะนี้ได้เริ่มผ่อนคลายความกังวลไปได้บ้าง หลังจากที่กรีซสามารถชำระหนี้ดอกเบี้ยได้ 200 ล้านยูโร ให้แก่ IMF ได้ และทาง ECB ก็ได้ขยายวงเงินช่วยเหลือให้กรีซ 2,000 ล้านยูโร

ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงต้องจับตากรีซต่อไป โดยเฉพาะในวันที่ 11 พ.ค.นี้ จะมีการประชุม รมว.คลังของยูโรโซน จะต้องดูว่าจะมีการมอบความช่วยเหลือกรีซที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นหรือเปล่า

ส่วนเรื่อง Bond yield ของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นเป็นเวลา 1 สัปดาห์ติดต่อกัน ทำให้เป็นลบต่อประเทศเกิดใหม่ โดยนักลงทุนอาจมีการย้ายเงินทุนกลับไปได้

สำหรับถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในเรื่องของดอกเบี้ย มองว่าไม่คิดว่ามีมูลเท่าไร เพราะเมื่อไรที่ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ยังไม่ถึงเป้าหมายก็ไม่น่าจะรีบขึ้นอัตราดอกเบี้ย

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายวันนี้ นายณัฐชาต กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยยังคงจะแกว่งตัวแบบไซด์เวย์ และอาจจะยังติดลบอยู่แต่ก็คงไม่ลงลึก พร้อมให้แนวต้าน 1,525 จุด

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่

TRUE มูลค่าการซื้อขาย 3,125.22 ล้านบาท ปิดที่ 11.10 บาท ลดลง 0.50 บาท

SLP มูลค่าการซื้อขาย 2,313.09 ล้านบาท ปิดที่ 2.54 บาท จากราคาขาย IPO 2.16 บาท

KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,922.65 ล้านบาท ปิดที่ 19.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,163.77 ล้านบาท ปิดที่ 202.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

TASCO มูลค่าการซื้อขาย 941.05 ล้านบาท ปิดที่ 13.30 บาท ลดลง 2.20 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น