ผู้ถือหุ้น “เด็มโก้” อนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปี 57 อีก 0.135 บาท/หุ้น เตรียมรับทรัพย์ 22 พ.ค.นี้ ผู้บริหารมองแนวโน้มรายได้ และกำไรปี 58 ทำสถิติสูงสุดใหม่ อานิสงส์ภาครัฐ และเอกชนเดินหน้าขยายการลงทุน พร้อมลุยพลังงานทดแทนเต็มสูบทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
นายพงษ์ศักดิ์ ศิริคุปต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ DEMCO เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2558 เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2557 (1 ก.ค.-31 ธ.ค.2557) ในอัตรา 0.135 บาท/หุ้น รวมเป็นเงิน 98.59 ล้านบาท โดยจะจ่ายปันผลในวันที่ 22 พฤษภาคม 2558
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการของ DEMCO ในปี 2558 คาดว่า รายได้ และกำไรจะปรับตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากได้รับประประโยชน์จากการลงทุนด้านสายส่งและสถานีไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ประกาศงบลงทุน 5 ปี มากกว่า 120,000 ล้านบาท โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญางานกับ กฟผ. มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท และคาดว่าจะได้รับงานส่วนเพิ่มจากโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ตามประกาศของกระทรวงพลังงาน 800 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุนมากกว่า 64,000 ล้านบาท
ปัจจุบัน มีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 5,000 ล้านบาท และเตรียมเข้าประมูลงานใหม่ และคาดว่าจะได้รับงานในปีนี้ โดยในส่วนของงานวิศวกรรมไฟฟ้าของภาครัฐบาลและเอกชน บริษัทคาดว่าจะได้รับงานเพิ่มประมาณ 3,000 ล้านบาท เมื่อรวมกับ Backlog ที่มีอยู่จะเป็นงานที่จะต้องดำเนินการทั้งสิ้น 8,000 ล้านบาท โดยยังไม่รวมงานโซลาร์ฟาร์ม 800 เมกะวัตต์ ที่บริษัทคาดว่าจะได้รับงานอีก 2,500-3,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทถือว่าเป็น up side ในอนาคต
นอกจากกำไรที่จะได้จากงานรับเหมา และขายเสาโครงเหล็กแล้ว DEMCO จะรับรู้รายได้จากการถือหุ้น 15% ในโครงการพลังงานลมห้วยบง 2, 3 รวมทั้งโครงการโซลาร์ฟาร์ม และโซลาร์รูฟ จำนวน 3 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะได้รับเงินปันผลในปี 2558 จำนวนรวม 195 ล้านบาท
“ในด้านการลงทุนเราอยู่ระหว่างการศึกษาที่จะเข้าลงทุนในโซลาร์ฟาร์ม และโรงไฟฟ้าในระยะเวลา 2 ปีข้างหน้า ตามนโยบายของรัฐบาลที่สนับสนุนการลงทุนพลังงานทดแทน สำหรับการลงทุนในต่างประเทศ บริษัท เด็มโก้ เดอร์ ลาว จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ DEMCO อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาสัมปทานเป็นผู้ดำเนินการระบบสาธารณูปโภคใน สปป.ลาว โดยการลงนามสัญญาจะมีขึ้นในช่วงวันที่ 4-8 พฤษภาคม 2558 โครงการดังกล่าวมีมูลค่าลงทุนประมาณ 800 ล้านบาท มีระยะเวลาก่อสร้างโครงการประมาณ 8 เดือน เริ่มรับรู้รายได้จากการดำเนินงานในราวเดือนธันวาคม 2558” นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
การลงทุนที่เพิ่มขึ้นในอนาคตนี้บริษัทเห็นว่าไม่ต้องมีการเพิ่มทุน เนื่องจากโครงสร้างเงินทุนที่ประกอบด้วย Demco-W6, ESOP, PP จำนวนรวม 1,500 ล้านบาท จะส่งผลให้บริษัทสามารถกู้เงินราว 6,000-7,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีศักยภาพในอนาคตที่จะลงทุนในธุรกิจ 8,000-9,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุน และขยายธุรกิจในอนาคตได้อย่างสบาย
