ฟิโก้ ทุ่มเงิน 4.1 พันล้านบาท ลุยธุรกิจอสังหาฯ แบ่งเป็นลงทุนในประเทศ 3.58 พันล้าน ลงทุนในต่างประเทศ 525 ล้านบาท ล่าสุด ซื้อโรงแรมในยุโรป 2 แห่ง จ่อนำโรงแรมกว่า 1,000 ห้องในยุโรปเข้าตลาด FTSE ปี 58 เล็งรุกพัฒนาที่อยู่อาศัยประเดิมบ้านหรูหลังละ 35 ล้านบาท ซ.เอกมัย ตั้งเป้ายอดขาย 6,000-8,000 ล้านบาท
นายกฤษน์ ศรีชวาลา ประธานเจ้าหนี้ที่บริหาร บริษัท ฟิโก้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า กลุ่มฟิโก้ คอร์ปอเรชั่น ดำเนินธุรกิจหลากหลายประเภท เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ โรงแรม อสังหาริมทรัพย์ อาคารและเครื่องดื่ม แฟชั่น และบันเทิง ในปี 2558 นี้ บริษัทได้เตรียมเม็ดเงินกว่า 4,100 ล้านบาท สำหรับลงทุนในธุรกิจต่างๆ ของบริษัททั้งใน และต่างประเทศ โดยแบ่งเป็นการลงทุนในประเทศ 3,580 ล้านบาท เป็นการลงทุนตั้งแต่ปีนี้จนถึงปี 2560
ลงทุนในต่างประเทศ 15 ล้านยูโร หรือประมาณ 525 ล้านบาท โดยล่าสุด ได้ซื้อโรงแรมในยุโรป 2 แห่ง หลังจากที่ในปีที่ผ่านมา ได้ซื้อโรงแรมในเยอรมนีไปแล้ว 7 แห่ง ส่งผลให้กลุ่มฟิโก้มีโรงแรมในยุโรปแล้วราว 1,000 ห้อง ซึ่งบริษัทมีแผนที่นำจำโรงแรมดังกล่าวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน (London Stock Exchange) หรือดัชนี FTSE ในช่วงปลายปี หรือต้นปีหน้า ซึ่งต้องรอให้อังกฤษเลือกตั้งให้ประธานาธิบดีให้แล้วเสร็จ
“ต้องการซื้อโรงแรมในยุโรปเพิ่มขึ้นอีก เพื่อเพิ่มพอร์ตให้ใหญ่ขึ้นก่อนเข้าตลาด FTSE แต่การซื้อโรงแรมไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องคำนึงถึงราคาและผลตอบแทนที่จะได้รับเป็นเกณฑ์ อย่างไรก็ตาม บริษัทมีเป้าหมายภายใน 3 ปี จะซื้อโรงแรมเพิ่มอีกประมาณ 150 ล้านยูโร หรือราว 5,250 ล้านบาท” นายกฤษน์ กล่าว
ส่วนการลงทุนในประเทศ ได้แก่ โครงการที่จะแล้วเสร็จภายในปี 2558 Metropolis อาคารสำนักงาน 21 ชั้น พื้นที่รวม 26,000 ตารางเมตร ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีพร้อมพงษ์ ใช้งบประมาณก่อสร้างประมาณ 1.3 พันล้านบาท Residence Metropole ซ.ทองหล่อ เป็นบูติกเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ จำนวน 117 ห้อง งบประมาณก่อสร้าง 400 ล้านบาท
โครงการที่เริ่มดำเนินการในปี 2558 และจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2559 และภายในปี 2560 ได้แก่ การปรับเปลี่ยนโรงแรม Le Fenix Sukhumvit (สุขุมวิท ซ.11) ให้เป็นโรงแรมบูติก งบประมาณ 70-80 ล้านบาท โครงการก่อสร้างโรงแรมบัดเจต (Budget Hotel) ในย่านสีลม (บริเวณข้างโรงแรมโนโวเทล สีลม) ในงบประมาณก่อสร้าง 500 ล้านบาท
นายกฤษน์ กล่าวเพิ่มว่า ฟิโก้สนใจดำเนินพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย โดยอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการคลัสเตอร์โฮมหรูใน ซ.เอกมัย ราคาราว 35 ล้านบาท/ยูนิต โดยจะเป็นโครงการขนาดเล็ก เนื่องจากถือเป็นโครงการแรกจึงต้องการทดสอบตลาดว่ากระแสตอบรับเป็นอย่างไร หากประสบความสำเร็จบริษัทพร้อมเดินหน้าลงทุนต่อเนื่องทันที นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขยายการลงทุนในอาคารสำนักงานและโรงแรมอย่างต่อเนื่อง แต่ขึ้นอยู่กับจังหวะ และโอกาสเนื่องจากที่ดินในทำเลกลางเมือง หรือทำเลดีๆ หายาก
