xs
xsm
sm
md
lg

นักวิเคราะห์ฯ แนะจับตา “เฟด- กนง.” ตัดสินใจทิศทาง ดบ.นโยบาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


หุ้นไทยปิดบวก 10.62 จุด คาดสัปดาห์หน้าดัชนีแกว่งผันผวน โบรกฯ แนะจับตา “เฟด- กนง.” ตัดสินใจทิศทาง ดบ. พร้อมประเมินกรอบไว้ที่ 1,536-1,560 จุด

ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (24 เม.ย.) ดัชนีปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,555.46 จุด เพิ่มขึ้น 10.62 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.69% มูลค่าการซื้อขาย 36,044.33 ล้านบาท โดยภาพรวมในวันนี้ ดัชนียืนในแดนบวกได้ตลอดทั้งวัน ดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,556.10 จุด และต่ำสุดอยู่ที่ 1,545.83 จุด

ด้านสัดส่วนผู้ลงทุนในวันนี้ นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 203.06 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 355.04 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 1,163.86 ล้านบาท นักลงทุนภายในประเทศขายสุทธิ 605.77 ล้านบาท

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรินีตี้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซต์เวย์-อิงแดนบวก สอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปที่ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นมา โดยล่าสุดการประชุมของ รมว.คลังของยูโรโซนเพื่อแก้ปัญหาหนี้กรีซเริ่มขึ้นแล้ว แต่ยังมองเป็นปัจจัยรบกวนตลาดฯ เพราะอาจมีทั้งแง่บวกบ้างลบบ้าง

ทั้งนี้ ตลาดบ้านเรายังมีแรงขายทำกำไรระหว่างวันสลับออกมา ซึ่งสัญญาณจาก Fund Flow ช่วง 2 วันหลังนี้เห็นได้ว่านักลงทุนต่างชาติทำ short ในตลาดฟิวเจอร์ส และยังขายสุทธิในตลาดหุ้นด้วย เนื่องจาก Bond yield ของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นมา ทำให้ Earning บ้านเราน่าสนใจลดลง ทำให้ลดโอกาสที่ SET จะปรับตัวขึ้น

อย่างไรก็ดี ในสัปดาห์หน้าให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยในส่วนของเฟดจะมีการส่งสัญญาณการปรับดอกเบี้ยอย่างไร แต่เชื่อว่าคงไม่เปลี่ยนแปลง ส่วน กนง.ประเมินโอกาส 50:50 ที่จะคงอัตราดอกเบี้ยและลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเงินบาทแข็งค่าในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งหากลดอัตราดอกเบี้ยก็ถือเป็นเรื่อง Surprise ให้กับตลาดฯ สำหรับแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า นายณัฐชาต กล่าวว่า ดัชนีฯคงจะแกว่งไซด์เวย์มีกรอบการแกว่งที่ 1,530-1,560 จุด

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเชียพลัส เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดี แต่มูลค่าการซื้อขายยังเบาบาง หลังจากก่อนหน้านี้เผชิญแรงขายจากกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ที่ผลตอบแทนถึงเป้าหมาย ซึ่งคาดว่าต่อจากนี้ไป ดัชนีจะเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบจำกัด โดยได้รับอิทธิพลจากกองทุนทริกเกอร์ฟันด์เป็นหลัก ที่จะคอยพยุงหุ้นไม่ให้ปรับลดลงมากเกินไป ขณะที่นักลทุนกลุ่มอื่นก็จะยังไม่กล้าซื้อหุ้นมากนักเพราะอาจจะเผชิญแรงขายจากกองทุนทริกเกอร์ฟันด์อีกครั้งเมื่อดัชนีปรับตัวขึ้น

สำหรับสัปดาห์หน้า คาดหุ้นไทยแกว่งตัวลง ด้วยแรงกดดันจากปัญหาหนี้กรีซที่ยังคงยืดเยื้อ ส่วนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แม้หลายฝ่ายจะมองว่า เฟดน่าจะส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือน ก.ย.-ต.ค. แต่ต้องติดตามว่าหากเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดเป็นเดือน มิ.ย. อาจจะทำให้เกิดแรงขายแบบ Panic Sell ได้

ขณะที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในสัปดาห์หน้า เสียงคาดการณ์ส่วนใหญ่คาดว่า กนง. น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ระดับเดิม 1.75% เพราะว่าหากจะลดดอกเบี้ยเพื่อทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าและส่งผลดีต่อภาคการส่งออกไทยก็ไม่เห็นความเป็นไปได้จากแนวทางดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบันไทยถูกกีดกันทางการค้าค่อนข้างมาก ตลอดจนมองว่า กนง.น่าจะคงดอกเบี้ยเพื่อเก็บขีดความสามารถในการใช้นโยบายทางการเงินในอนาคต โดยไร้ความกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ ด้านกลยุทธ์ แนะซื้อหุ้นที่ผลประกอบการ Q1/2558 ออกมาดี อย่าง STPI-BJCHI-VNG-PYLON พร้อมกับประเมินแนวรับ 1,536 จุด แนวต้าน 1,560 จุด

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่

KTB(XD) มูลค่าการซื้อขาย 2,857.22 ล้านบาท ปิดที่ 20.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,847.51 ล้านบาท ปิดที่ 356.00 บาท เพิ่มขึ้น 11.00 บาท

TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,820.20 ล้านบาท ปิดที่ 12.60 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,724.74 ล้านบาท ปิดที่ 44.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,546.16 ล้านบาท ปิดที่ 223.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น