xs
xsm
sm
md
lg

เนชั่นฯ ออกโรงแฉ 10 บิ๊ก SLC โกยหุ้น NMG ทะลุ 45%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

น.ส.ดวงกมล โชตะนา ประธานเจ้าหน้าที่บริษัท เนชั่นมัลติมีเดีย กรุ๊ป หรือ NMG
“เนชั่นมัลติมีเดียกรุ๊ป” เปิดโผรายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัทล่าสุด ยืนยันกลุ่ม SLC และพวก ถือหุ้นรวมกันเกิน 45% แต่ยังเลี่ยงเทนเดอร์ออฟเฟอร์ ชี้ชัดครอบงำกิจการไม่ถูกต้อง เผยนอกจาก 2 นิติบุคคล SLC-POLAR ที่ถือครองหุ้น 19.75% แล้วยังมีผู้ถือหุ้น NMG ในนามบุคคลกว่า 10 ราย รวมหุ้นเฉียด 25% ที่โยงใย SLC

รายงานจากข้อมูลการถือครองหุ้น บมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป หรือ NMG ว่า ภายหลังปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อต้นเดือน เม.ย.2558 ที่ผ่านมา พบว่า บมจ.โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) หรือ SLC ยังคงครอบครองหุ้น NMG ในสัดส่วน 12.21% ส่วนบริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด  (มหาชน) หรือ วธน แคปิตอล (WAT) เดิมมีหุ้น NMG ในสัดส่วน 7.54%   

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้บริหาร SLC ยืนยันมาตลอดว่า ไม่มีความเกี่ยวข้องกับ บมจ.โพลาริส แคปปิตัล แต่มีหลายประเด็นที่บ่งชี้ว่าทั้งสองบริษัทมีความเชื่อมโยงกันแนบแน่น โดยเฉพาะในทีมบริหาร โดยนายอภิวุฒิ ทองคำ ซึ่งมีความใกล้ชิดกับ นายฉาย บุนนาค ที่เป็นรองประธานกรรมการของ SLC ขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการของบริษัท POLAR หรือในชื่อเดิมคือ วธน แคปิตอล (WAT) เช่นเดียวกับ นายจีรศักดิ์ ธเนศนันท์ ซึ่งมีตำแหน่งในบริษัททั้งสองด้วยเช่นกัน โดยนายจีรศักดิ์ ดำรงตำแหน่งในเก้าอี้ผู้บริหารที่สำคัญถึง 3 ตำแหน่ง คือ ประธานกรรมการ  กรรมการอิสระ และประธานกรรมการตรวจสอบใน POLAR และเป็นกรรมการอิสระของบริษัท SLC อีกด้วย

ทั้งนี้ หากย้อนกลับไปในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจะพบว่า SLC กับ POLAR  โยงใยกันแนบแน่น โดยเฉพาะในประเด็นจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง หรือ Private Placement ให้แก่กลุ่มคนที่ทับซ้อนกัน ซึ่งประมวลจากรายชื่อผู้ที่ได้รับจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนเฉพาะเจาะจง 20 คน ของ POLAR อย่างน้อย 10 คน หรือ 50% ที่ได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนเฉพาะเจาะจงจากบริษัท SLC ในช่วงปี 2556-2557 สะท้อนว่า มีผลประโยชน์ที่เชื่อมโยงกัน โดยผู้ที่ได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนเฉพาะเจาะจง (PP) ที่ซ้อนทับระหว่าง SLC และ POLAR ประกอบด้วย นายยรรยงค์ อินทรสงเคราะห์, ระวีโรจน์ เขียนนิลศิริ, นายภานุรักษ์ แสงอร่าม, นายเอกวิชญ์ กมลเทพา, นายตรีขนิษฐ์ มากรักษา, นายสุวิทย์ พิพัฒน์วิไลกุล, นายปาณกาจ สุธาธรรม, นายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม และนางกรรณิดา ตั้งกิจตรงเจริญ

ขณะที่กลุ่มผู้ได้ถือหุ้น PP ของ SLC และ POLAR ล้วนแล้วแต่ถือหุ้น NMG ยกทีม ซึ่งข้อมูลดังกล่าวนอกจากจะชี้ชัดว่า SLC และ POLAR มีกลุ่มผลประโยชน์ที่เกี่ยวโยงกันแล้ว ยังสะท้อนด้วยว่า การเข้าครอบงำกิจการของ SLC ใน บมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป เป็นการครอบงำกิจการอย่างไม่ถูกต้อง เพราะรายชื่อผู้ที่ได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน PP หรือ เฉพาะเจาะจงที่ซ้อนทับกันอยู่ของ 2 บริษัทนี้ ปรากฏเป็นผู้ถือหุ้นของ NMG  เรียกว่า เป็นทีมที่รวมตัวกันแน่นแฟ้นแบบไปไหนไปกันทีเดียว

จากการปิดสมุดทะเบียนครั้งล่าสุดของ NMG พบว่า เกือบทั้งหมดของรายชื่อผู้ที่ได้รับจัดสรรหุ้นเฉพาะเจาะจงที่ทับซ้อนกันของ 2 บริษัท ได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นของ NMG โดย นายยรรยงค์ อินทรสงเคราะห์ มีหุ้น NMG สัดส่วน 1.44% นายระวิโรจน์ เขียนนิลศิริ 0.05% นายภานุรักษ์ แสงอร่าม 0.38% นายเอกวิชญ์ กมลเทพา 3.66% นางกรรณิดา ตั้งกิจตรงเจริญ 0.04 %

ส่วน นายสุวิทย์ พิพัฒน์วิไลกุล นายตรีขนิษฐ์ มากรักษา ในไตรมาสแรกได้เข้าซื้อหุ้น NMG และขายออกไปแล้ว  ขณะที่นายปาณกาจ สุธาธรรม เหลือหุ้น NMG ในพอร์ตจำนวน  1 แสนหุ้น ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ผู้ถือหุ้นในนามบุคคล ซึ่งได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนพีพีของกลุ่มบริษัท SLC และ POLAR จะยกทีมเข้ามาลงทุนในหุ้น NMG พร้อมเพรียงกันเช่นนี้  

ขณะเดียวกัน “ศิร์วสิษฐ์” โผล่ถือหุ้นใหญ่ SLC 3% ในจังหวะขับเคี่ยวเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น บมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป ที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 เมษายนที่จะถึงนี้ พบว่า นอกจาก SLC และ POLAR ที่ถือหุ้นรวมกันอยู่ 19.7 % แล้ว ยังมีผู้ถือหุ้นในนามบุคคลอีกเกิน 10 ราย ที่มีความเกี่ยวพันกับ SLC ถือหุ้น NMG อยู่เกิน 25%  และทำให้ SLC และพวกครอบครองหุ้น NMG ไปแล้ว ไม่น้อยกว่า 45% โดยบุคคลแรกที่ต้องกล่าวถึงคือ นายศิร์วสิษฐ์ สายน้ำผึ้ง ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ลี้ลับของ NMG นายศิร์วสิษฐ์ ถือหุ้น NMG ถึง 9.14% โดยซื้อหุ้น NMG จากบริษัท MBK เมื่อเดือนสิงหาคม 2557 และได้รายงานการซื้อหุ้น NMG ต่อตลาดหลักทรัพย์ในวันเดียวกันกับที่  POLAR รายงานการถือครองหุ้นของ NMG ซึ่งแสดงถึงพฤติกรรมที่สอดรับกัน และล่าสุด ในการปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นของ SLC เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2558 ยังปรากฏชื่อ นายศิรวสิษฐ์ เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 5 ในสัดส่วน 3.02% และยังมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นลำดับที่ 11 ของ บมจ.เอคิว เอสเตท หรือ AQ จำนวน 0.75% ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะปฏิเสธว่า นายศิร์วสิษฐ์ ไม่มีความสัมพันธ์กับ SLC นอกจากวันนี้ปรากฏชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ SLC แล้ว เขาคนนี้มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทที่โยงใยในกลุ่ม SLC เกือบทั้งหมด เช่น เคยเป็นผู้ถือหุ้นใน POLAR, GEL, AQ และ STAR ทั้งยังเคยได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน PP ของ บมจ.ตงฮั้ว หรือ TH และนายศิรวสิษฐ์ เป็นผู้หนึ่งที่ร่วมลงนาม เรียกร้องให้บริษัท NMG เปิดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ร่วมกับกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยที่เกิดจากการจัดตั้งโดยฝ่ายตรงข้าม NMG   

นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นใหญ่ WAT ก็เข้าเสียบหุ้น NMG ที่ถือว่าอีกกลุ่มผู้ถือหุ้นบุคคลที่มีข้อมูลบ่งชี้ว่าโยงใยกับ SLC และ POLAR คือ นายเอกวิชญ์ กมลเทพา, นายระวีโรจน์ เขียนนิลศิริ,  นายภานุรักษ์ แสงอร่าม และ นางวรณัน เลิศกุลธรรม ผู้ถือหุ้น NMG ทั้ง 4 คนนี้ ปรากฏอยู่ในรายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ บมจ.โพลาริส แคปปิตัล หรือ POLAR ด้วยเช่นกัน โดยนายเอกวิชญ์ กมลเทพา ถือหุ้น NMG อยู่ในสัดส่วน 3.66% บุคคลนี้น่าสนใจยิ่ง เพราะในระหว่างปี 2556-2557 นายเอกวิชญ์ มีชื่อเป็นผู้ที่ได้รับจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนเฉพาะเจาะจงถึง 4 บริษัทที่มีความเกี่ยวพันกับนายฉาย บุนนาค และ SLC ทั้งสิ้น ทั้ง POLAR, GEL, TH  และล่าสุดคือเมื่อกันยายน 2557 ได้รับจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน SLC หลังจากนั้นเพียงเดือนเดียว นายเอกวิชญ์ ก็ได้ขายหุ้น SLC ออกไปทั้งหมดที่มี หรือจำนวน 7.55% ส่วนนายระวีโรจน์ เขียนนิลศิริ เป็นอีกผู้หนึ่งที่เป็นขาประจำหุ้น PP กลุ่ม SLC โดยในระยะเวลาแค่ปีเดียว นายระวีโรจน์ ใช้เงินซื้อหุ้นเพิ่มทุน 4 บริษัท คือ AQ, SLC, WAT, TH และบริษัท ตงฮั้ว คอมมูนิเคชั่นส์ ซึ่ง ณ เวลานี้ยังปรากฏชื่อ นายระวีโรจน์ ถือหุ้น NMG อยู่ถึง 0.05% พร้อมกับเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ POLAR อีก 4.23%

อย่างไรก็ดี โดยเฉพาะกรณีของนายภาณุรักษ์ แสงอร่าม ในช่วงปี 2556-2557 เขาได้รับสิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน PP จาก 5 บริษัทอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบด้วย บริษัท เอคิว เอสเตท บริษัท ตงฮั้ว คอมมูนิเคชั่นส์ บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) บริษัทวธน แคปปิตัล และบริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง

สำหรับ นางวรณัน เลิศกุลธรรม เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 6 ของ  POLAR ในสัดส่วน 2.55% และถือหุ้น  SLC 0.54% พร้อมกับครอบครองหุ้น NMG จำนวน  0.40%  เช่นเดียวกับชื่อของ น.ส.พรเพ็ญ นิธิเกษม ผู้คุณเคยใกล้ชิดกับ SLC ซึ่งถือหุ้น NMG ในสัดส่วน 1.80% โดย น.ส.พรเพ็ญ ปรากฏชื่อเป็นผู้ได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนเฉพาะเจาะจงของ SLC พร้อมกับนายสุวิทย์ พิพัฒน์วิไลกุล โดยอยู่ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ SLC อยู่เพียงชั่วอึดใจ เพราะหลังเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนพีพีของ SLC จำนวน 500 ล้านหุ้น ก็ได้ขายหุ้นออกไปทั้งหมดหลังจากนั้น ทำให้กลุ่มนักลงทุนรายย่อยของ SLC ต่างตื่นตะลึงเมื่อ น.ส.พรเพ็ญ ซึ่งเพิ่งได้รับการจัดสรรหุ้น PP จาก SLC เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน กลับเทขายหุ้นทั้งหมดที่มีออกมาในปลายเดือนพฤศจิกายน หรือในทันทีที่หุ้นเพิ่มทุน SLC ได้รับสิทธิเข้าซื้อขายในตลาดก็ว่าได้ ถือเป็นกรณีตัวอย่างที่นักลงทุนรายย่อย SLC หยิบยกขึ้นมาเป็นข้อบ่งชี้ว่าได้รับความไม่เป็นธรรม

ส่วนนายสุวิทย์ ณ ขณะนี้ไม่มีหุ้น NMG ในพอร์ตแล้ว แต่ตระกูลพิพัฒน์วิไลกุลยังถือครองหุ้น NMG ในนาม นายพิสิษฐ์ พิพัฒน์วิไลกุล 0.50% และ นายสฤษดิ์ พิพัฒน์วิไลกุล 0.11% โดยในขณะนี้นายสุวิทย์ พิพัฒน์วิไลกุล เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 7 ของ SLC ในสัดส่วน 2.10% ขณะที่นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอ็ม เอฟ อี ซี (MFEC) ซึ่งถือหุ้น NMG ในสัดส่วน 3.02% เป็นอีกผู้หนึ่งที่มีความแนบแน่นในกลุ่ม SLC โดยนายศิริวัฒน์ เคยได้รับการจัดสรรสิทธิการซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบ PP ในบริษัท SLC และบริษัท AQ

อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนมกราคม 2558 ภายหลังกลุ่ม NMG เคลื่อนไหวตอบโต้ความพยายามเข้าเทกโอเวอร์โดย SLC นายศิริวัฒน์ ได้จัดแถลงข่าวยืนยันต่อสื่อมวลชนว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ นายฉาย บุนนาค แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏคือ นายศิริวัฒน์  อยู่ในรายชื่อผู้ที่ได้รับจัดสรรหุ้นแบบเฉพาะเจาะจงของ SLC จากนั้นมตินี้ได้ถูกยกเลิกไล่หลังในเดือนเดียวกันนั้น บุคคลถัดไปคือ นายมานพ อ่วมทัพ ซึ่งมีความแนบแน่นกับ บริษัทโพลาริส หรือในอดีตคือ วธน แคปิตอล เขาเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนเฉพาะเจาะจง หรือ PP ของ POLAR ในเดือนพฤศจิกายน 2557 ร่วมกับรายชื่อเดิมๆ คือ สุวิทย์ พิพัฒน์วิไลกุล, ตรีขนิษฐ์ มากรักษา, ระวีโรจน์ เขียนนิลศิริ และชัยณรงค์ แสงทองอร่าม โดยขณะนี้ นายมานพ ถือหุ้น NMG ในสัดส่วน 2.96%

ขณะที่อีกหนึ่งบุคคลที่มีพฤติกรรมไปไหนไปกันของกลุ่ม SLC-POLAR คือ นายยรรยงค์ อินทรสงเคราะห์ ซึ่งถือหุ้นเนชั่นในสัดส่วน 1.44% เขาคนนี้ได้ชื่อว่าเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่มีชื่อปรากฏเป็นผู้ถือหุ้นหรือมีเอี่ยวในหุ้น PP ในหุ้นกลุ่มที่ร้อนแรงตลอดปี 2556-2557 นายยรรยงค์ ไดรับการจัดสรรหุ้นเฉพาะเจาะจงในบริษัท SLC WAT AQUA และปรากฏเป็นผู้ถือหุ้นของ STAR ซึ่งถือเป็นหุ้นกลุ่มที่มีเซียนหุ้นรายใหญ่เวียนเข้าออกกลุ่มเดียวกัน  

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลซื้อขายหุ้น NMG ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจเมื่อปรากฏชื่อ นายศิริธัช โรจนพฤกษ์ เข้าซื้อหุ้น NMG จำนวน 117 ล้านหุ้น หรือ 3.54% โดยนายศิริธัช เป็นบุคคลที่มีความแน่นแฟ้นกับ NMG และยังเป็นเจ้าของเดิมของมหาวิทยาลัยโยนก ซึ่ง NMG ได้เข้าไปซื้อกิจการ และเปลี่ยนชื่อเป็นมหาวิทยาลัยเนชั่น ในปัจจุบัน

ทั้งนี้ ล่าสุดเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผู้บริหาร NMG ได้เข้าพบ นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์  (ก.ล.ต.) เพื่อสอบถามความคืบหน้ากรณีบริษัทได้ร้องขอให้ ก.ล.ต. ตรวจสอบพฤติกรรม Acting in Concert ของบริษัท SLC   

โดย น.ส.ดวงกมล โชตะนา ประธานเจ้าหน้าที่บริษัท เนชั่นมัลติมีเดีย กรุ๊ป กล่าวว่า “นักลงทุนกลุ่มนี้รวมกันแล้วเกิน 25% แน่ๆ เมื่อรวม 2 นิติบุคคล คือ บมจ.โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) หรือ SLC จำนวน 12.21% และ บริษัท โพลาริส แคปปิตัล ในจำนวน 7.54% เท่ากับว่ากลุ่ม SLC มีหุ้น NMG ในมือกว่า 45% แล้วข้อสงสัยคือ ทำไม SLC จึงไม่ทำคำเสนอซื้อเป็นการทั่วไป การทำเช่นนี้ทำให้นักลงทุนรายย่อยเสียเปรียบ และถือว่าผิดกติกาการกำกับดูแลการซื้อขาย และเป็นการครอบงำกิจการที่ไม่ถูกต้อง ขณะเดียวกัน บริษัทยังรอคำตอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบพฤติกรรม Acting in Concert ที่ทีมบริหารเนชั่นได้ส่งเรื่องร้องเรียนไปตั้งแต่เดือนมกราคม 2558 โดยหวังว่าจะได้ความชัดเจนจาก ก.ล.ต. ก่อนการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นที่จะมีขึ้นใน 29 เมษายนนี้”
กำลังโหลดความคิดเห็น