xs
xsm
sm
md
lg

SCB เฉือนกำไรชดเชย สจล.-กสิกรฯ แจ้ง 1.2 หมื่น ล. โต 3.8%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

“ไทยพาณิชย์” ประกาศผลกำไรไตรมาสแรก 1.3 หมื่นล้าน เพิ่ม 0.2% เหตุเฉือนตัดค่าใช้จ่ายกรณีเงินฝาก สจล.งวดเดียว ขณะที่กสิกรไทยแจ้งที่ระดับ 1.2 หมื่นล้าน เพิ่ม 3.87% ด้านธนชาตเน้นลดหนี้เอ็นพีแอล

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) แจ้งผลกำไรสุทธิจำนวน 13,152 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิของไตรมาส 1/2557 การเติบโตของกำไรสุทธิในไตรมาสนี้เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ การเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกรรมค้าเงินและปริวรรตเงินตราต่างประเทศ และการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิ ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/2558 ธนาคารได้ทำการบันทึกบัญชีเป็นค่าใช้จ่ายครั้งเดียวเพื่อชดเชยกรณีทุจริตที่เกิดขึ้นกับบัญชีเงินฝากของ สจล. อันเป็นการแสดงความรับผิดชอบของธนาคาร ซึ่งหากไม่รวมค่าใช้จ่ายนี้ อัตราการเติบโตของกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 9.3%

รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ในไตรมาสที่ 1/2558 มีจำนวน 20,532 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากเดิมในไตรมาสที่ 1/2557 ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์ในการลดค่าใช้จ่ายทางด้านดอกเบี้ยเงินฝาก และมีการเติบโตของสินเชื่อเพิ่มขึ้น 4.3% จากปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย จำนวน 12,010 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.4% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ด้านค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 12,498 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.4% จากไตรมาสที่ 1/2557 เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับกรณีทุจริตที่เกิดขึ้นกับบัญชีเงินฝากของ สจล. ซึ่งเป็นการแสดงความรับผิดชอบล่วงหน้าจนกว่าคดีจะสิ้นสุด หากตัดค่าใช้จ่ายพิเศษส่วนนี้ออกไป ค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยของธนาคารจะอยู่ในระดับเดียวกันกับปีก่อน

ส่วนคุณภาพสินเชื่อในไตรมาสที่ 1/2558 ธนาคารตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญไว้จำนวน 3,601 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.80% ของสินเชื่อทั้งหมด เพิ่มขึ้น 12.3% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) อยู่ที่ 2.13% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2558 เพิ่มขึ้นจาก 2.11% จาก ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2557 ขณะที่อัตราสำรองรวมต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ในระดับคงที่คือ 138.1% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2558

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ผลประกอบการในไตรมาสแรกแสดงให้เห็นถึงพื้นฐานที่แข็งแกร่งของกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ที่สามารถรักษาระดับการทำกำไรไว้ในระดับที่สูงแม้อยู่ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย และถูกผลกระทบในเรื่องค่าใช้จ่ายครั้งเดียวจากกรณีทุจริตที่เกิดขึ้นกับบัญชีเงินฝากของ สจล. ในขณะที่ธนาคารเองก็ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจเพื่อให้รองรับกับอนาคต

กสิกรฯ แจ้งกำไร 12,401 ล้าน

นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยประกาศผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 1 ปี 2558 โดยธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 12,401 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 3.87% โดยมีการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 1,481 ล้านบาท หรือ 7.59% ส่วนใหญ่เกิดจากการขยายตัวของสินเชื่อและการลดลงของอัตราดอกเบี้ยเงินรับฝากเฉลี่ย และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจำนวน 1,615 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิที่เพิ่มขึ้น

และเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2557 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 12,401 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนจำนวน 2,434 ล้านบาท หรือ 24.43% ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจำนวน 1,340 ล้านบาท หรือ 9.61% เป็นผลมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ และรายได้จากผลิตภัณฑ์ตลาดเงินและตลาดทุนที่เพิ่มขึ้น สำหรับอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin: NIM) อยู่ที่ระดับ 3.67%

สำหรับ NPL gross ณ วันที่ 31 มีนาคม 2558 อยู่ที่ระดับ 2.26% ขณะที่สิ้นปี 2557 อยู่ที่ระดับ 2.24% อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ณ วันที่ 31 มีนาคม 2558 อยู่ที่ระดับ 139.74% ขณะที่สิ้นปี 2557 อยู่ที่ระดับ 141.38%

ธนชาตเน้นบริหารคุณภาพหนี้

นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต แถลงผลการดำเนินงานของธนาคารธนชาตในไตรมาส 1/2558 ว่า ธนาคารและบริษัทย่อยยังสามารถรักษาระดับผลกำไรในไตรมาสนี้ได้ใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน โดยกำไรสุทธิในไตรมาสนี้อยู่ที่ 2,561 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน

อย่างไรก็ตาม ธนาคารได้เน้นเรื่องการลด NPL ลง และเพิ่ม Coverage Ratio ให้มากขึ้น และในปีนี้ในงบเฉพาะกิจการของธนาคารคาดว่า NPL จะอยู่ต่ำกว่า 3%และ Coverage Ratio อยู่ที่ระดับ 100%

“จะเห็นได้ว่าธนาคารให้ความสำคัญกับการบริหารสินเชื่อด้อยคุณภาพอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ NPL ของธนาคารในงบการเงินรวมในไตรมาส 1 ปี 2558 ปรับตัวลดลงมา 2,020 ล้านบาท หรือ 6.17% จากสิ้นปี 2557และ NPL Ratio ลดลงมาอยู่ที่ 3.95% จากในปีที่แล้วที่เคยอยู่ประมาณ 4.55%”

ขณะที่ Coverage Ratio ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 89.76% แต่หากดูงบเฉพาะของธนาคาร จะเห็นว่า NPL Ratio อยู่ที่ 2.98% และ Coverage Ratio ก็เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 93.33% สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งมากขึ้นของคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคาร
กำลังโหลดความคิดเห็น