ก.ล.ต. เผยผลงานการพัฒนา และกำกับดูแลตลาดทุนตลอดระยะเวลา 4 ปี ตั้งแต่ปี 54-58 บรรลุเป้าหมายในการยกระดับตลาดทุนไทยสู่สากลในทุกด้าน เพิ่มความน่าเชื่อถือด้วยมาตรการกำกับดูแล และป้องปรามที่ทันสมัย ส่งเสริมให้ทุกภาคเศรษฐกิจใช้ประโยชน์จากตลาดทุน โดยเป็นแหล่งระดมทุนสำหรับกิจการทุกขนาด และเป็นทางเลือกสำคัญในการลงทุนของภูมิภาค
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาการดำเนินงานของ ก.ล.ต. ร่วม 4 ปี นับตั้งแต่ ต.ค.54-เม.ย.58 ก.ล.ต. ขับเคลื่อนตลาดทุนไทยโดยมุ่งเน้นการพัฒนาเพื่อรองรับแนวโน้มและสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจของโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สร้างความเชื่อมั่น และความยั่งยืน สร้างโอกาสให้กิจการ และประชาชนเข้าถึง ตลอดจนใช้ประโยชน์จากตลาดทุน รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศดึงดูดเงินลงทุนจากผู้ลงทุนทั่วโลก
โดยที่ผ่านมา ก.ล.ต.มุ่งสร้างโอกาสในการเข้าถึงการระดมทุนสำหรับกิจการทุกระดับทั้งขนาดใหญ่ขนาดกลาง และขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทั่วประเทศผ่านโครงการ “หุ้นใหม่ความภูมิใจของจังหวัด” เกิดหุ้นใหม่เข้าจดทะเบียนในตลาดทุนไปแล้วกว่า 30 บริษัท และโครงการส่งเสริมการระดมทุนผ่านโครงการ “หุ้นนวัตกรรมและสร้างสรรค์ ความภูมิใจของไทย” เพิ่มโอกาสต่อยอดขยายกิจการสำหรับธุรกิจที่มีเทคโนโลยีนวัตกรรม รวมทั้งได้เพิ่มช่องทางใหม่ในการระดมทุนด้วยรูปแบบการเสนอขายหุ้นด้วยวิธี crowdfunding ที่เป็นกระแสการระดมทุนใหม่ของทั่วโลก ตลอดจนเพิ่มช่องทางการระดมทุนของกิจการขนาดกลาง และเล็กผ่าน Private Equity Trust อีกด้วย
นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังส่งเสริมให้กิจการมีทางเลือกการระดมทุนด้วยเครื่องมืออื่นๆ เช่น การระดมทุนโดยการออกตราสารหนี้ ผ่านโครงการ “หุ้นกู้น้องใหม่ ก้าวแรกที่ก้าวไกล” มุ่งให้บริษัทใช้ตราสารหนี้บริหารต้นทุนการเงินของกิจการ รวมถึงได้สร้างกลไกสนับสนุนการระดมทุนของทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อประโยชน์ของประเทศ ลดภาระงบประมาณ และการเป็นหนี้สาธารณะ เช่น ไฟฟ้า ประปา ถนน ท่าอากาศยาน สนามบิน ล่าสุด ได้เพิ่มเติมให้รวมถึงระบบขนส่งทางท่อ ระบบจัดการของเสีย โครงสร้างพื้นฐานด้าน ICT และโครงการที่มีกิจการโครงสร้างพื้นฐานหลายประเภทมารวมกันด้วย
ทั้งนี้ ตามแผนกลยุทธ์ที่ ก.ล.ต. ต้องการให้ตลาดทุนไทยเป็นจุดเชื่อมที่สำคัญของประเทศกลุ่ม GMS (GMS Connector) ได้สร้างความสัมพันธ์ และช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านให้เติบโตไปด้วยกัน มีการลงนามเพื่อพัฒนาตลาดทุนระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนของ ลาว กัมพูชา เวียดนาม การเป็นเจ้าภาพการประชุม Mekong Capital Market Cooperation (MCMC) ขณะที่ในระดับอาเซียน มีความร่วมมือที่ชัดเจนจนนำไปสู่การมีมาตรฐานกลางของอาเซียนในการเปิดเผยข้อมูล (ASEAN Disclosure Standards) และการเสนอขายกองทุนรวมข้ามกัน (ASEAN Collective Investment Scheme Framework) การเข้าร่วมประเมินมาตรฐานธรรมาภิบาล (CG) เพื่อเปรียบเทียบคุณภาพบริษัทข้ามตลาด และในระดับตลาดทุนของโลก ก.ล.ต. ได้สร้างช่องทางให้ตัวกลางไทยนำสินค้าไปขายในตลาดสำคัญๆ เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี รวมถึงการลงนามความร่วมมือเพื่อให้กองทุนรวมไทยไปขายในยุโรปได้