เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส ไตรมาสแรกตุนหนี้เสียเข้าพอร์ตแล้วกว่า 1 หมื่นล้านบาท เชื่อดันเป้าหมายทั้งปีที่วางไว้จะซื้อหนี้เสียที่ 3 หมื่นล้านบาท สนับสนุนให้พอร์ตบริหารหนี้ในปีนี้อยู่ที่ 95,000 ล้านบาทได้ไม่พลาดเป้า “ปิยะ พงษ์อัชฌา” แม่ทัพใหญ่ เผยภาพรวมธุรกิจหนี้ยังเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา แถมอยู่ระหว่างเจรจาซื้อหนี้เพิ่มไม่หยุดยั้ง มั่นใจเป้าหมายกำไรสุทธิทั้งปีนี้คาดว่าจะเติบโตอีกประมาณ 50% ได้สำเร็จ
นายปิยะ พงษ์อัชฌา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้ บริหารหนี้ด้อยคุณภาพระดับแนวหน้า ของไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ เดินหน้าซื้อหนี้ด้อยคุณภาพอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด JMT และบริษัท บริหาร สินทรัพย์เจ จำกัด บริษัทย่อย ประกาศลงนามซื้อหนี้ด้อยคุณภาพกับบริษัทสินเชื่อเช่าซื้อ 2 แห่ง รวมมูลค่าหนี้ 3,213 ล้านบาท โดยหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และก่อนหน้านี้ได้ลงนามซื้อหนี้ด้อยคุณภาพกับ ธนาคาร ธนชาต จำกัด (มหาชน) มูลค่าหนี้ 6,159 ล้านบาท เป็นหนี้ประเภทสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ประกอบกับซื้อหนี้ด้อยคุณภาพกับบริษัทสินเชื่อแห่งหนึ่ง มูลค่าหนี้คงค้างตามสิทธิเท่ากับ 928 ล้านบาท เป็นหนี้สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์สนับสนุนให้ในไตรมาส 1/2558 ที่ผ่านมา บริษัทฯ และบริษัทย่อย สามารถซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารรวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายจะซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารทั้งปี 2558 อยู่ที่ 30,000 ล้านบาท หรือมีพอร์ตบริหารหนี้ในปี 2558 อยู่ที่ประมาณ 95,000 ล้านบาท จากพอร์ตบริหารหนี้เมื่อสิ้นปี 2557 อยู่ ที่ประมาณ 65,000 ล้านบาท โดยวางงบลงทุนซื้อหนี้เข้ามาบริหารในปีนี้ไว้ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท เชื่อจะสนับสนุนให้กำไรสุทธิทั้งปีนี้คาดว่าจะเติบโตอีกประมาณ 50% หรือจากกำไรสุทธิปี 2557 อยู่ที่ 120.61 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้
“จากภาพรวมการเมืองและเศรษฐกิจในประเทศในปีที่ผ่านมาต่อเนื่องจนถึงปีนี้ ส่งผลให้ธนาคาร และสถาบันการเงินต่างๆ ทยอยขายหนี้เสียออกมาอย่างต่อเนื่อง และแค่ไตรมาสแรก บริษัทฯ ก็สามารถซื้อหนี้เข้ามาบริหารเพิ่มอีก 1 หมื่นล้านบาท เรียบร้อยแล้ว เขยิบเข้าใกล้เป้าหมายทั้งปีที่วางไว้ว่าจะซื้อหนี้เสียที่ 3 หมื่นล้านบาท และยังมีดีลสะสมที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการเพื่อรอประกาศเพิ่มเติมจากนี้อีก” นายปิยะ กล่าว
นายปิยะ กล่าวต่ออีกว่า ธุรกิจการซื้อหนี้เสียเข้ามาบริหารในปัจจุบันของบริษัทฯ ได้รับการตอบรับที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จากผู้ขายซึ่งก็คือธนาคารและสถาบันการเงิน เห็นได้จากมีลูกค้าทั้งรายเก่าและรายใหม่ เข้ามาเสนอขายหนี้ให้กับ JMT เนื่องจากเราเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และดำเนินธุรกิจด้วยความถูกต้องโปร่งใส อีกทั้งยังเป็นบริษัทเอกชนบริษัทแรกที่ได้รับความไว้วางใจเซ็นสัญญาความร่วมมือกับบริษัท ข้อมูลเครดิต แห่งชาติ จำกัด เพื่อเป็นสื่อ กลางอำนวยความสะดวกให้เจ้าของข้อมูล ยื่นขอปรับปรุงแก้ไขรหัสสถานะบัญชีสินเชื่อได้อย่างถูกต้อง เมื่อลูกค้า ชำระเงินปิดบัญชี เป็นอีกหนึ่งความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ขายหนี้ให้เราได้มั่นใจในศักยภาพมากยิ่งขึ้น และที่ผ่านมา ลูกค้าก็ให้ความร่วมมือจนสามารถจัดเก็บหนี้ได้ดีกว่าเป้าหมายที่วางไว้” นายปิยะ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าในธุรกิจปล่อยสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์ (Micro Finance) โดย มี บริษัท เจเอ็มที พลัส จำกัด เป็นบริษัทย่อย วางเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และนาโนไฟแนนซ์ (Nano Finance) ให้แก่ลูกค้าร้านเจมาร์ทในประเทศเมียนมาร์ และปัจจุบันทีมงานเริ่มทยอยเข้ามาเตรียมระบบและพร้อมปล่อยสินเชื่อได้ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ พร้อมตั้งเป้าหมายจะปล่อยสินเชื่อในปีแรกที่ประมาณ 370 ล้านบาท โดยมองว่าธุรกิจนี้จะเข้ามาสนับสนุนกำไรสุทธิของ JMT ในปี 2560 ให้เติบโตขึ้นแข็งแกร่งกว่าเดิมได้
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD กำหนดได้รับสิทธิปันผลวันที่ 20 เมษายน 2558 และวันที่จ่ายปันผลวันที่ 6 พฤษภาคมนี้ โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2557 ในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท ซึ่งบริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.11 บาท (เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2557) คงเหลือเงินปันผลสำหรับผลการประกอบการในครึ่งปีหลังของปี 2557 อีกในอัตราหุ้นละ 0.19 บาท เพื่อแสดงถึงความแข็งแกร่งทางการเงินและตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯ เสมอมา