“วายแอลจี” ชี้สถานการณ์ตรึงเครียดซาอุฯ- กบฏเยเมน หนุนราคาทองคำกลับมาอยู่ในทิศทางบวก แม้การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐยังกดันให้เกิดแรงเทขาย ประเมินราคากำลังหาจุดพักฐานเพื่อขึ้นไปต่อ หากไม่สามารถทะลุ 1,220
เหรียญ/ออนซ์ แนะนำทยอยแบ่งขายทำกำไร แต่หากทะลุไปสร้างสถิติใหม่ ให้ชะลอกรขายเพื่อไปทำกำไรช่วงระดับ 1,240 เหรียญ/ออนซ์แทน
“วรุต รุ่งขำ” ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส ประเมินทิศทางราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา ว่า ราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมามีแนวโน้มสดใสและมีทิศทางที่เป็นบวกมากขึ้น จากราคาทองคำที่ทะยานขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ จากการรับแรงผลักดันกรณีซาอุดีอาระเบีย มีการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มกบฏในเยเมน ซึ่งส่งผลให้ราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้รับแรงซื้อให้มีการทะยานขึ้น ซึ่งนักลงทุนต่างจับตาต่อสถานการณ์ดังกล่าวว่า จะนำไปสู่ความขัดแย้งของ 2 นิกายหรือไม่ เพราะหากกรณีดังกล่าวทวีความรุนแรง และลุกลามมากขึ้น สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำก็จะปรับตัวเพิ่มจากแรงซื้อมากขึ้น
ไม่เพียงแค่นั้น ราคาทองคำยังได้รับแรงสนับสนุนเพิ่มเติม กรณีรัฐบาลจีนถูกแนะนำให้เพิ่มทองคำในทุนสำรองจาก 1.5% สู่ระดับ 5% ซึ่งถ้าจีนมีการเพิ่มทุนสำรองจริงตามคำแนะนำ สินทรัพย์อย่างทองคำก็จะได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะมีผลต่อการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่เริ่มแข็งค่าต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ หลังตัวเลขตลาดแรงงาน และภาคบริการที่ออกมาสดใส ส่งผลให้เกิดการขายทำกำไรในทองคำ เมื่อราคามีการดีดตัวขึ้น
frameborder="0" allowfullscreen>
โดยปัจจัยที่ต้องจับตา คือ ท่าทีของอิหร่านต่อกรณีการถล่มทางอากาศของซาอุดีอาระเบียต่อกลุ่มกบฏในเยเมน เพราะมีประเด็นว่า ทางการอิหร่านคือ ผู้อยู่เบื้องหลังในการสนับสนุนกลุ่มกบฏเข้าทำการยึดอำนาจในเยเมน และยังต้องติดตามการเจรจาระหว่างชาติมหาอำนาจกับอิหร่านต่อโครงการนิวเคลียร์ ซึ่งต้องดูว่าทางอิหร่านจะมีท่าทีอย่างไรต่อการดำเนินมาตรการนิวเคลียร์ในประเทศ
ขณะที่สถานการณ์ฝั่งยุโรป การขอแผนอนุมัติเงินช่วยเหลือกรีซ ยังเป็นอีกปัจจัยที่ต้องจับตา เพราะหากแผนไม่ได้รับการอนุมัติ อาจส่งผลให้ในต้นเดือนเมษายน กรีซอาจขาดสภาพคล่องทางการเงิน และผิดนัดต่อการชำระหนี้ได้ รวมไปถึงตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกดดันราคาทองคำ เช่น ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ตัวเลขการจ้างงาน และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ซึ่งหากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาอย่างแข็งแกร่ง อาจทำให้มีการเทขายทองคำเพื่อทำกำไรออกมา และราคาทองคำจะปรับตัวลดลง หรือมีการปรับฐานราคาอีกครั้งหนึ่ง
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในทองคำช่วงนี้ เมื่อราคามีการดีดตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก และเมื่อมีการดีดตัวขึ้นยังเห็นแรงเทขายทำกำไรออกมา ทำให้คาดว่าราคาอาจมีการพักตัวเพื่อสร้างฐานให้แน่นเพื่อรักษาระดับเอาไว้ นักลงทุนอาจต้องรอการย่อตัวลงมาเพื่อเข้าลงทุน โดยประเมินโซนแนวรับ 1,180-1,160 เหรียญ/ออนซ์เป็นจุดเข้าไปเสี่ยงซื้อเพื่อเก็งกำไรจากการดีดตัว ขณะที่จุดทเขายทำกำไร อาจจะต้องจับตาจุดสูงสุดที่ราคาเคยขึ้นไปทดสอบ แต่ยังไม่เคยสามารถผ่านขึ้นไปได้ที่ราคา 1,220 เหรียญ/ออนซ์ โดยหากยังไม่สามารถผ่านไปทำจุดสูงสุดใหม่ได้ แนะนำว่าควรแบ่งทองคำออกมาขายทำกำไร และรอการย่อตัวของราคาเพื่อเข้าซื้อสะสมอีกครั้ง แต่ถ้าราคาทะยานขึ้นไปเหนือ 1,220 เหรียญ/ออนซ์ไปได้ สามารถชะลอการขาย เพื่อไปทำกำไรในโซนแนวต้านถัดไปบริเวณ 1,240 เหรียญ/ออนซ์