บล.เอเชีย เวลท์ แนะลงทุนหุ้น MAJOR คาดรับกำไรจากการขยายธุรกิจกว่า 38% แนะนำผู้ลงทุนสัปดาห์นี้ ระมัดระวังการลงทุนในหุ้นช่วงตลาดหุ้นแกว่งตัวลงจากปัจจัยเสี่ยงต่างประเทศ ทั้งมาตรการ QE ของธนาคารกลางสหรัฐฯ และการแข็งค่าของเงินดอลลาร์
นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า สำหรับ Asia Wealth Trading Idea ประจำสัปดาห์นี้ ทาง บล.เอเชีย เวลท์ แนะนำลงทุนในหุ้น MAJOR ของบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) โดยคาดว่า MAJOR จะมีกำไรจากผลการดำเนินงานปี 58 นี้ที่ระดับ 38% จากการขยายธุรกิจจอภาพยนตร์เพิ่ม 97 จอ และมีโรงภาพยนตร์ใหม่ขนาด 8 จอ ที่ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ ของ The Mall Group ซึ่งจะสร้างรายได้จากสปอนเซอร์เพิ่มเติมในช่วง 3-5 ปี โดยมองราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 38 บาท
สำหรับ SET Index ในสัปดาห์นี้ แม้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) แถลงว่าจะไม่เร่งรีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในรอบการประชุมนี้ แต่ยังไม่ได้ถอดคำกล่าวที่ว่าอาจจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ตั้งแต่มิถุนายนนี้ออกไปแต่อย่างใด แม้ว่า Fed ได้ปรับลดแนวโน้วระดับอัตราดอกเบี้ยในระยะยาว และ GDP ปีนี้ลง อย่างไรก็ตาม ความเป็นไปได้ว่า Fed อาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อไรก็ได้ยังคงอยู่ ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) อยู่ในแนวโน้มแข็งค่าระยะยาว และกระทบต่อธุรกิจบริษัทข้ามชาติของสหรัฐฯ ที่กำไรในรูปดอลลาร์จะลดลง ทั้งนี้ แม้ตัวเลขการจ้างงานจะปรับตัวดีขึ้น แต่ตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ยังคงมีปัญหา เช่น ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน เป็นต้น ดังนั้น หาก Fed มีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นเร็วเกินไปอาจส่งผลลบต่อการขยายตัวของ GDP สหรัฐฯ
“สภาวะเช่นนี้ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกยังได้รับความกดดัน และมีความผันผวนสูง รวมทั้ง SET Index ด้วย ทั้งนี้ สำหรับปัจจัยภายในประเทศด้านการเมือง ช่วงสิ้นเดือนมีนาคมนี้ รัฐธรรมนูญฉบับร่างจะเสร็จสิ้นกระบวนการ หากไม่มีปัญหาอื่นๆ ระหว่างดำเนินการ คาดว่ารัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์จะเสร็จสิ้นภายในเดือนกันยายนนี้ และคาดว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ส่วนด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจ หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ปรับลดอัตราการเติบโตของ GDP ปี 2558 ลงเหลือ 3.8% ซึ่งเป็นการเพิ่มความไม่แน่นอนในการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้ ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 1 ตัวเลขการส่งออกยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร และการใช้จ่ายของภาครัฐยังไม่มากเทียบเป้า ทำให้คาดว่าการเติบโตของ GDP ในไตรมาสแรกของปีนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 3%”
อย่างไรก็ตาม สำหรับการลงทุนในหุ้นสัปดาห์นี้ แนะนำให้ผู้ลงทุนระมัดระวังการ Trading เพื่อทำกำไร เนื่องจาก SET Index กำลังมีการเคลื่อนไหวเป็นแกว่งตัวในทิศทางที่ลดลง ทั้งนี้ ทางด้านเทคนิค หากสิ้นเดือนนี้ SET Index ปิดต่ำกว่า 1,497 จุด จะเป็นการส่งสัญญาณขาย (Sell signal) ของเดือน หลังการปิดด้วยสัญญาณขายในระยะวัน และสัปดาห์มาก่อนหน้าแล้ว ประกอบกับในเดือนเมษายน เป็นช่วงการจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงอยู่แล้ว แต่สำหรับมุมมองระยะยาว บล.เอเชีย เวลท์ ยังคงมีมุมมองบวกต่อการลงทุนในหุ้น