xs
xsm
sm
md
lg

NWR เปิดบริษัทลูกลุยธุรกิจอสังหาฯ ตั้งเป้า 5 ปี รายได้ปีละกว่า 2,000 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พลพัฒ กรรณสูต
เนาวรัตน์พัฒนาการฯ ตั้งบริษัทลูก “มานะพัฒนาการ” ลุยธุรกิจอสังหาฯ ที่อยู่อาศัย สำนักงาน โรงแรม ปีแรกเปิด 3 โครงการ มูลค่า 2,300 ล้านบาท ประเดิมโครงการแรก “บารานี พาร์ค ร่มเกล้า” ปี 58 ตั้งเป้ากวาดยอดขาย 900 ล้านบาท ภายใน 5 ปี ยอดขายปีละกว่า 2,000 ล้านบาท

นายพลพัฒ กรรณสูต กรรมการผู้จัดการ บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) หรือ NWR เปิดเผยว่า บริษัทดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมากว่า 39 ปี ปัจจุบัน เนาวรัตน์พัฒนาการ มีธุรกิจหลัก 3 ส่วน ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มธุรกิจผลิตเสาเข็มคอนกรีตอัดแรงและผลิตภัณฑ์คอนกรีต กลุ่มธุรกิจเหล็กแปรรูป ซึ่งได้รับการยอมรับจากกลุ่มลูกค้าทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ด้วยการนำเทคโนโลยีชั้นสูงมาใช้ในงานก่อสร้าง จากประสบการณ์ในด้านการก่อสร้างที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมองเห็นโอกาสในการพัฒนาธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยนำจุดแข็ง ความเชี่ยวชาญด้านงานก่อสร้างมาใช้ในธุรกิจนี้ และสร้างโอกาสทางธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ให้แก่บริษัทฯ อีกทางหนึ่ง

ด้าน นายปสันน สวัสดิ์บุรี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มานะพัฒนาการ จำกัด กล่าวว่า การลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของ NWR เริ่มจากเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา จากการตัดที่ดินบางส่วนของเจ้าของโครงการ บารานี ย่านรังสิต เพื่อชำระเป็นค่าก่อสร้าง จำนวน 50 กว่าแปลง จากทั้งหมด 205 ยูนิต และในปี 2556 ได้พัฒนาโครงการบ้านแฝด “วิลล่าบารานี” รังสิต-คลอง 3 จำนวน 200 ยูนิต ภายใต้ NWR และเพื่อให้แยกบัญชีรายรับ-จ่าย การลงทุนจากธุรกิจอสังหาฯ จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างให้ชัดเจนจึงได้ก่อตั้งบริษัท มานะพัฒนาการขึ้นเมื่อปี 2556 ที่ผ่านมา ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท ต่อมา ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 600 ล้านบาท (ชำระเต็ม) โดยทาง NWR ถือหุ้น 99.99% เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

“ในการพัฒนาโครงการต่างๆ เราจะนำประสบการณ์เกือบ 10 ปีในการบริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของทีมงานรวมกับจุดเด่นในด้านการรับเหมาก่อสร้างมาใช้ ซึ่งจะทำให้เรามีจุดเด่นในเรื่องของการเข้าใจความต้องการของลูกค้า ส่งมอบบ้านที่มีคุณภาพสูง ตรงตามเวลา และมีต้นทุนค่าก่อสร้างที่ต่ำเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่น” นายปสันน กล่าว

สำหรับแผนการลงทุนบริษัทฯ ได้แบ่งแผนการพัฒนาออกเป็น 2 ระยะๆ แรกเป็นแผนงานภายในระยะเวลา 3 ปี ที่จะพัฒนาโครงการในหลายรูปแบบ ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน ให้เช่า และโครงการคลังสินค้า (Warehouse) ระยะที่ 2 เป็นแผนระยะยาว 3-5 ปี ที่อาจจะมีการพัฒนาโครงการประเภทอื่นๆ เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ และคอมมูนิตีมอลล์ ฯลฯ โดยโครงการบ้านแนวราบจะเน้นพัฒนากลุ่มระดับ B ขึ้นไป ราคาขายต่อยูนิตตั้งแต่ 4 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนคอนโดมิเนียม เน้นกลุ่ม C ขึ้นไป ราคาตั้งแต่ 1-2 ล้านบาท

ส่วนในปี 2558 นี้ บริษัทมีแผนลงทุน 3 โครงการ มูลค่าประมาณ 2,300 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 2 โครงการ มูลค่าประมาณ 1,600 ล้านบาท และโครงการแนวสูง 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 700 ล้านบาท เน้นเจาะทำเลกรุงเทพฯ รอบนอกเป็นหลัก

“ในระยะแรกเราเน้นการพัฒนาโครงการแนวราบเป็นหลักเนื่องจากเป็นรูปแบบโครงการที่เหมาะสมต่อทำเลในกรุงเทพฯ รอบนอก ส่วนโครงการแนวสูง จะลงทุนในทำเลที่มีศักยภาพ และมีความมั่นใจ เช่น ใกล้แนวรถไฟฟ้า โดยสัดส่วนของการลงทุนจะเน้นแนวราบ 60% แนวสูง 30% และอื่นๆ 10%” นายปสันน กล่าว
แบบบ้านบารานี
สำหรับโครงการแรกที่พัฒนาภายใต้มานะพัฒนาการ อยู่ภายใต้แบรนด์ “บารานี พาร์ค ร่มเกล้า” ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 22 ไร่ พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยว สไตล์ Courtyard จำนวน 86 ยูนิต ขนาด 55-80 ตารางวา ราคาเริ่มต้นที่ 8.89-14 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท โดยจะเปิดตัวในวันที่ 28-29 มีนาคม 2558 นี้ ซึ่งได้มอบหมายให้บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เป็นผู้บริหารงานขาย

ทั้งนี้ ในปี 2558 บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 900 ล้านบาท เติบโตปีละไม่น้อยกว่า 10% ด้านรายได้วางเป้าไว้ที่ 300 ล้านบาท จากการเริ่มโอนโครงการแรก และจะเพิ่มเป็น 650 ล้านบาท ในปี 2559 จากการทยอยรับรู้รายได้เพิ่มอีก 2 โครงการที่เหลือ และประมาณ 1,200 ล้านบาทในปีต่อไป ส่วนในระยะยาวตามแผน 5 ปี บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายไว้ปีละไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท และรายได้ปีละไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท โดยรายได้จากธุรกิจอสังหาฯ ถือเป็นสัดส่วน 5% จากรายได้รวมของ NWR และภายในระยะเวลา 2-3 ปี จะเพิ่มเป็น 10% และเพิ่มเป็น 20%ภายในระยะเวลา 5 ปี

ที่ผ่านมา NWR ร่วมทุนกับผู้ประกอบการรายอื่นเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ร่วมทุนกับบริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด(มหาชน) พัฒนาโครงการ “ดิ อิสสระ ลาดพร้าว” นอกจากนี้ ยังร่วมทุนกับพันธมิตรจาก กทม. ที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการที่พัทยามาก่อนหน้านี้ ร่วมพัฒนาโครงการ Sea Breeze พัทยา บนเนื้อที่ 20 ไร่ ลงทุนผ่านบริษัท วีเอสพีเอ็น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด โดย NWR ถือหุ้น 25% พัฒนาให้เป็นหมู่บ้านริมทะเล จำนวน 74 หลัง ราคา 7-15 ล้านบาท มีมูลค่าโครงการ 450 ล้านบาท และโครงการวิลล่า สมุย 40 หลัง บนเนื้อที่ 43 ไร่ บริเวณอ่าวเฉวง เน้นขายชาวต่างประเทศ ราคาหลังละ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท NWR ถือหุ้น 87%


กำลังโหลดความคิดเห็น