xs
xsm
sm
md
lg

“PPS” ตั้งเป้าแปรรูปเป็น Holding ภายในปี 2560 กระจายความเสี่ยง เพิ่มรายได้หลายทาง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายพงศ์ธร ธาราไชย รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส หรือ PPS
“พงศ์ธร” แย้มแผนแปรรูปธุรกิจเดิมที่ทำอยู่ เป็น Holding company ภายในปี 2560 เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการทำธุรกิจประเภทหลักเพียงอย่างเดียว คาดกำไรสุทธิปีนี้โต 5-10% กำ Backlog ในมือกว่า 200-300 ล้านบาท

นายพงศ์ธร ธาราไชย รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส หรือ PPS กล่าวว่า บริษัทฯ ประมาณการรายได้นี้คาดว่าจะเติบโตขึ้นไม่น้อยกว่า 5-10% เทียบจากจากปีก่อนหน้าจากธุรกิจให้คำปรึกษาด้านวิศวะกรรม โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือ หรือ Backlog อยู่ที่ประมาณ 200-300 ล้านบาท

“บริษัทฯ ได้รับงานออกแบบในกลุ่มประเทศ AEC ได้แก่ประเทศพม่า มูลค่าโครงการประมาณ 10 ล้านบาท และประเทศมาเลเซีย มูลค่าโครงการ 70 ล้านบาท และงานในประเทศ ได้แก่โครงการไอคอนสยาม ซึ่งเป็นโครงการศูนย์คอนโดมิเนี่ยมที่พักอาศัยและอาคารศูนย์การค้าในเครือสยามพิวรรธน์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ตลอดจนถึงการเข้าไปประมูลงานรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยคาดว่าจะทราบผลประมูลได้ในช่วงปลายเดือนนี้”

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจไปยังธุรกิจประเภทอื่น เช่น ดิจิตอลมีเดีย เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการดำเนินธุรกิจประเภทเดียว และงานวิศวะกรรมที่มีรายได้หลักจากงานโครงการภาครัฐ โดยมีการดำเนินงานผ่านบริษัทลูก 4 บริษัท คือ 1. บริษัท พีพีเอส ดีไซน์ จำกัด (PPSD) ให้บริการด้านการก่อสร้างครบวงจร 2. บริษัท พีพีเอส อินฟอร์เมชั่น คอนซัลแทนท์ จำกัด ดำเนินธุรกิจให้บริการ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ 3. บริษัท สวอน แอนด์ แมคลาเรน (ประเทศไทย) จำกัด ประกอบธุรกิจรับออกแบบงานสถาปัตยกรรม ออกแบบตกแต่งภายใน และ 4. บริษัท บิลค์ เอเซีย จำกัด (BUILK) ดำเนินธุรกิจให้บริการซอฟต์แวร์และข้อมูลในอุตสาหกรรมก่อสร้าง บริการที่สำคัญคือ ซอฟต์แวร์บริหารธุรกิจและบริหารโครงการก่อสร้าง โดยมีกลุ่มผู้ใช้งานเป็นผู้ประกอบการก่อสร้างขนาดกลางและขนาดย่อม ในประเทศไทย และอินโดนีเซีย โดยใช้งานผ่านเว็บไซต์และอุปกรณ์เคลื่อนที่และกิจการร่วมค้า พีพีคิว (PPQ) ในการร่วมเข้าประกวดราคาจ้างผู้ควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลฎีกาของสำนักงานศาลยุติธรรม ซึ่งคาดว่าสัดส่วนรายได้ทั้ง 4 แห่งจะอยู่ที่ 10% โดยบริษัทฯ จะยังคงรักษาระดับรายได้หลักไว้ที่ประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของอัตรากำไรสุทธิปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 5-10% เทียบจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 7-8% โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของค่าแรงพนักงาน อีกทั้งจะได้มีการกระจายความเสี่ยงด้วยการเข้าไปลงทุนในบริษัทฯ ลูก และธุรกิจประเภทอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก ในการผลักดันให้บริษัทฯ มีการเติบโตทั้งในส่วนรายได้และกำไรเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างบริษัทเดิม เป็นบริษัท Holding company ภายในปี 2560 เพื่อกระจายความจากการทำธุรกิจประเภทวิศวะกรรมเพียงอย่างเดียว


กำลังโหลดความคิดเห็น