MBKET คาดไตรมาส 2 แนวโน้มตลาดอาจผันผวน หาก SET INDEX ทะลุ 1,650 จุด เทียบ P/E ที่ 16 เท่า อาจแพงกว่าในภูมิภาค จากธนาคารกลางยุโรปเริ่มใช้มาตรการ QE ส่งผลกระทบการใหลเวียนของเงินทุน
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MBKET กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 2 อาจเกิดการผันผวนจากปัจจัยต่างประเทศ เนื่องจากประเทศสหรัฐฯ จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ขณะเดียวกัน จะยังมีปัจจัยบวกภายในประเทศที่ช่วยสนับสนุน ได้แก่ นโยบายการใช้จ่ายของภาครัฐซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งจากการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนถึงนโยบายเศรษฐกิจดิจิตอล ทำให้ 3 เดือนข้างหน้าดัชนีมีโอกาสขึ้น และปรับตัวลดลงจาก 2 ปัจจัยที่กล่าวมา
อย่างไรก็ตาม หากดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิน 1,650 จุด ถือว่าเป็นระดับที่แพง เพราะมี P/E ที่ 16 เท่า การที่มองว่าตลาดหุ้นแพงไปแล้วถือว่าสมเหตุสมผล แต่หากดัชนีปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 1,520-1,570 จุด ถือว่าเป็นโอกาสในการเข้าไปลงทุน โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือนมีนาคม 2558 ยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1,620-1,650 จุด เนื่องจากปัจจัยต่างประเทศมีผลกระทบต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยลดลง และจากการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเริ่มมาตรการ QE ซึ่งจะส่งผลต่อการไหลเข้าของเงินทุนต่างประเทศ และความคืบหน้าของโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ โดยหุ้นกลุ่มมที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์ดี ได้แก่ หุ้นกลุ่มอสังหาฯ รับเหมาก่อสร้าง และหุ้นกลุ่มสื่อสาร
ทั้งนี้ ประมาณการกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนปี 2558 จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 31% ฟื้นตัวจากปี 2557 ที่คาดว่ากำไรลดลง 12% เนื่องจากกลุ่มพลังงานมีผลขาดทุนเกือบ 7 หมื่นล้านบาท จากการขาดทุนสต๊อกน้ำมัน แต่ไม่น่าเป็นกังวลเนื่องจากไม่ได้เกิดจากผลขาดทุนในธุรกิจหลัก แต่เป็นผลมาจากเรื่องของสินค้าคงคลัง ขณะที่กำไรสุทธิต่อหุ้น หรือ EPS ของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 104 บาท/หุ้น เทียบเคียงดัชนีเคลื่อนใหวอยู่ในกรอบ 1,550 จุด จะมีค่า P/E ที่ 15 เท่า
