สิงห์ เอสเตท จบดีลสวอปหุ้นเนอวานา เข้าถือ 51% ขณะที่ผู้ถือหุ้นเดิมเนอวานา ถือหุ้นในสิงห์ เอทเตทฯ 3.8% เตรียมส่งลุยตลาดบ้านหรู ปี 58 ผุด 5 โครงการ มูลค่า 1.1 หมื่นล้านบาท ขณะที่สิงห์ เอสเตทฯ เปิดบ้านหรู-คอนโดฯ 2 โครงการ มูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท เผยใกล้จบดีลซื้อโรงแรม 3 แห่ง มูลค่า 6,000 ล้านบาทภายในปีนี้ แย้มอยู่ระหว่างเจรจาซื้อบริษัทอสังหาฯ อีก 1 ราย
นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สิงห์ เอสเตท และเนอวานา ได้ลงนามในสัญญา Share Purchase and Share Subscription Agreement เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2558 ที่ผ่านมา โดย สิงห์ เอสเตท จะออกหุ้นใหม่ จำนวน 186,509,792 หุ้น ให้แก่ เนอวานา เพื่อแลกกับหุ้นเดิมของเนอวานา จำนวน 3,649,993 หุ้น ซึ่งจะส่งผลให้ สิงห์ เอสเตท ได้ถือหุ้นในเนอวานา 51% ในขณะที่ผู้ถือหุ้นกลุ่มเดิมของเนอวานา จะถือหุ้นในสิงห์ เอสเตท 3.8%
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2558 เพื่อพิจารณา และอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ อีกจำนวน 2,635.94 ล้านบาท จากเดิมทุนจดทะเบียน จำนวน 4,712.35 ล้านบาท รวมเป็นทุนจดทะเบียน 7,348.29 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 2,635.94 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อรองรับ 1.จัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) เพื่อชำระราคาค่าหุ้นสามัญของเนอวานา 2.เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) และ 3.รองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ โดยจะขออนุมัติการแลกหุ้นดังกล่าวจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2558 ในวันที่ 22 เมษายน 2558 และคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายนปีนี้ ซึ่งในเร็วๆ นี้จะทำการเพิ่มทุนเข้าไปในเนอวานาจำนวน 700 ล้านบาท
“การเข้าสวอปหุ้นเนอวานาดังกล่าว เนื่องจากมองว่าเนอวานามีศักยภาพในการพัฒนาโครงการบ้านระดับบนในย่านใจกลางเมือง มีกลุ่มลูกค้าเฉพาะ และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจะยังคงใช้แบรนด์เนอวานาเช่นเดิม เนื่องจากเป็นที่รับรู้ของตลาดเป็นอย่างดี”
อย่างไรก็ตาม ในปี 58 นี้ เนอวานา จะยังคงพัฒนาโครงการที่มีอยู่ในมือต่อ รวมถึงสิงห์ เอสเตท แต่หลังจากนี้จะแบ่งการพัฒนาชัดเจนขึ้น โดยสิงห์ เอสเตท จะพัฒนาโครงการแนวสูง คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ส่วนเนอวานา จะพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ เน้นกลุ่มลูกค้าระดับบน
สำหรับแผนพัฒนาโครงการของสิงห์ เอสเตท ในปีนี้เตรียมลงทุน 2 โครงการ ได้แก่ คอนโดมิเนียม บนถนนอโศก 1 โครงการ (“สิงห์ เฮ้าส์” ลานเบียร์สิงห์บนถนนอโศก) เนื้อที่ 2 ไร่ ประมาณ 300-400 ยูนิต มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท ราคากว่า 2 แสนบาท/ตร.ม. และบ้านเดี่ยวระดับซุปเปอร์ลักชัวรี ยูนิตละกว่า 100 ล้านบาท บนถนนประดิษฐ์มนูธรรม เนื้อที่ 30 ไร่ มูลค่าโครงการประมาณ 4,000 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 58 จำนวน 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายจากธุรกิจโรงแรม 2,000 ล้านบาท และการลงทุนในเนอวานาอีก 2,000 ล้านบาท
นอกจากการสวอปหุ้นเนอวานาแล้ว บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาซื้อโรงแรมอีก 3 แห่ง มูลค่ารวมกว่า 6,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 2-3 ประมาณ 1-2 แห่ง โดยบริษัทจะนำมาปรับปรุง และเพิ่มจำนวนห้อง หากแล้วเสร็จภายในปีนี้จะทำการขายเข้าทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT หากดำเนินการไม่ทันปีนี้ก็จะเลื่อนไปปี 59 แทน อีกทั้งยังอยู่ระหว่างเจรจาซื้อกิจการอสังหาริมทรัพย์อีก 1 ราย โดยคาดว่าจะสรุปได้ภายในปีนี้
ด้านนายศรศักดิ์ สมวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า การร่วมทุนกับสิงห์ เอสเตท ในครั้งนี้จะช่วยให้เนอวานาเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากเดิมที่โตปีละประมาณ 20% ซึ่งสิงห์ฯ จะช่วยในเรื่องของฐานเงินทุน คอนเนกชัน และลดต้นทุนทางการเงินของเนอวานาลงได้มาก โดยปัจุบัน เนอวานามีสต๊อกรอขายมูลค่า 3,000 ล้านบาท และยังมีที่ดินรอการพัฒนาอีก 5 แปลง มูลค่าโครงการรวม 11,000 ล้านบาท รวมเป็น 14,000 ล้านบาท
สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้ เตรียมเปิด 5 โครงการ มูลค่า 11,000 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 3 โครงการ ได้แก่ โครงการใกล้โรงเรียนเลิศหล้า ถนนเกษตร-นวมินทร์ เป็นคอนโดฯ 8 ชั้น จำนวน 900 ยูนิต ราคายูนิตละประมาณ 3 ล้านบาทขึ้นไป โครงการย่านคลองสาน ร้านยกยอเก่า ราคาเกือบ 3 แสนบาท/ตร.ม. มูลค่าโครงการประมาณ 5,000 ล้านบาท และโครงการที่พัทยา ซึ่งจะแบ่งเป็นคอนโดฯ มูลค่า 440 ล้านบาท และวิลลาหลังละ 17-18 ล้านบาท มูลค่ารวม 200 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว 2 โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว เนอวานา บียอน มูลค่าโครงการ 2,800 ล้านบาท และโครงการบ้านเดี่ยวย่านเกษตร-นวมินทร์ อีก 1 โครงการ
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปี 58 ไว้ที่ 3,000 ล้านบาท ส่วนในปีที่ผ่านมา มียอดขาย 2,000 ล้านบาท และผลประกอบการช่วง 9 เดือน มีรายได้ 1,100 ล้านบาท กำไร 179 ล้านบาท