นายกฯ มอบนโยบายให้ตลาดทุนเป็นกลไกขับเคลื่อนประเทศสู่ความมั่งคั่งยั่งยืน พร้อมมอบโล่ 10 บจ.ไทย ที่ได้เข้าสู่ดัชนีความยั่งยืนระดับโลก DJSI สูงสุดในอาเซียน ด้านประธาน ตลท.เผยมาร์เก็ตแคปรวมปัจจุบันอยู่ที่ 15.5 ล้านล้านบาท สูงกว่าจีดีพีของประเทศซึ่งอยู่ที่ 12 ล้านล้านบาท และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 20% ต่อปี
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ “ธุรกิจไทยขับเคลื่อนไทยสู่ความมั่งคั่งยั่งยืนด้วยมาตรฐานสากล” มอบนโยบายให้ภาคตลาดทุนเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของประเทศในทุกมิติอย่างยั่งยืน พร้อมมอบโล่ 10 บริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ที่ได้เข้าสู่ดัชนีความยั่งยืนระดับโลก Dow Jones Sustainability Indices (DJSI)
นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า การปาฐกถาของนายกรัฐมนตรีสะท้อนนโยบายของภาครัฐในการสนับสนุนให้ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดทุน เป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพ รวมถึงการพัฒนา ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไป เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศในระยะยาว ซึ่งเป็นแนวทางที่ ตลท. ยึดมั่นเป็นภารกิจสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง โดย ตลท. มุ่งพัฒนาองค์กรและผู้เกี่ยวข้องทุกกลุ่ม อาทิ สถาบันตัวกลาง ผู้ลงทุน และบริษัทจดทะเบียนให้ดำเนินงาน โดยยึดหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน (sustainable development)
ณ วันนี้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) อยู่ที่ 15.5 ล้านล้านบาท สูงกว่าผลผลิตมวลรวมนในประเทศ (GDP) ที่อยู่ในระดับ 12 ล้านล้านบาท มีบริษัทจดทะเบียนกว่า 600 บริษัท ซึ่งมีการจ้างงานมากกว่า 1.1 ล้านคน โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 20% ต่อปี ตลท.มีการซื้อขายอย่างโปร่งใส มีระบบรองรับความผันผวนได้เป็นอย่างดี และให้ความรู้แก่นักลงทุนเพื่อให้มีความเข้มแข็ง
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ให้เกียรติมอบโล่แสดงความยินดีแก่ 10 บจ. ไทยที่ได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนระดับโลก Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) ในปีที่ผ่านมา โดย 10 บจ. ดังกล่าวประกอบด้วยสมาชิกในกลุ่มดัชนี DJSI World จำนวน 4 บริษัท ได้แก่ 1) บมจ. ปตท. (PTT) 2) บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) 3) บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) และ 4) บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) และกลุ่มดัชนี DJSI Emerging Markets จำนวน 10 บริษัท ได้แก่ 1) บมจ. บ้านปู (BANPU) 2) บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) 3) บมจ. ไออาร์พีซี (IRPC) 4) บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) 5) บมจ. ปตท. (PTT) 6) บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) 7) บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) 8) บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) 9) บมจ.ไทยออยล์ (TOP) และ 10) บมจ. ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ (TUF)
“บจ. เป็นหนึ่งในผู้เกี่ยวข้องกับตลาดทุนไทยที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ตลท. จึงมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพ บจ. ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลของการพัฒนาอย่างยั่งยืน การที่ 10 บจ. ไทยได้รับการยอมรับจากดัชนีระดับโลกเป็นจำนวนมากที่สุดในอาเซียน สะท้อนถึงศักยภาพอันโดดเด่นของ บจ.ไทย เสริมสร้างความน่าเชื่อถือให้กับประเทศ”
ขณะเดียวกัน ยังส่งเสริมความเชื่อมั่นและเพิ่มความน่าสนใจลงทุนจากต่างประเทศอีกด้วย ปัจจุบันกองทุนทั่วโลกที่เน้นลงทุนโดยคำนึงถึงความยั่งยืนมีขนาดกว่า 9,100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 290,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย