นายกรัฐมนตรีปาฐกถาต่อนักลงทุนไทย เปรยอยากสร้างวัฒนธรรมในองค์กร อยู่ร่วมกันโดยหลักธรรมาภิบาล ลั่นประเทศต้องการยั่งยืน แจงเป็นกรรมการไทยออยล์ ไปทีไรปิดประชุมทุกที บ่นเร่งพัฒนาตัวเองเพราะรู้ดีว่าด้อยหลายเรื่อง ยันไม่ได้ตามใจต่างประเทศ แม้แต่เรื่องรถไฟไทย-จีน แนะเอกชนมองเศรษฐกิจแบบมหภาค ลั่นศักดิ์ศรีประเทศไทยต้องมี แม้ชาติที่ประท้วงไทย แต่ก็ยังคงซื้อขายกันอยู่ เตือนทูตทุกคนต้องแจงนักลงทุนได้
วันนี้ (26 ก.พ.) ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มอบโล่แสดงความยินดีกับบริษัทจดทะเบียนไทยที่ได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกของดัชนี DJSI ประจำปี 2558 และปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ธุรกิจไทยขับเคลื่อนไทยสู่ความมั่งคั่งยั่งยืนด้วยมาตรฐานสากล” โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ดีใจที่ได้คำว่ามั่นคง มั่งคั่ง และความยั่งยืนได้มีการนำมาใช้เพื่อสู่การปฏิบัติ ซึ่งเป็นแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สำหรับการลงทุนจำเป็นต้องมีความเชื่อมั่น ความโปร่งใส โดยเฉพาะในหน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจก่อนที่รัฐบาลจะเข้ามานั้นประเทศไทยยังขาดความเชื่อมั่น และเมื่อเข้ามาก็ได้นำข้อกฏหมายต่างๆ มาดูอีกครั้ง ในที่สุดแล้วก็พบว่าทุกอย่างอยู่ที่การปฏิบัติ สิ่งที่อยากจะกล่าวคือ อยากสร้างวัฒนธรรมในองค์กรให้ได้ โดยต้องเป็นองค์กรที่มีคุณธรรมและจริยธรรมของบุคลากร ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ดีก็ต้องทำ เพื่อการอยู่ร่วมกันโดยหลักธรรมาภิบาล ดูแลซึ่งกันและกัน การมีส่วนร่วมของทุกคนเป็นสิ่งสำคัญ การพัฒนาที่ยั่นยืนถือเป็นรากฐานที่สำคัญ ขณะนี้ประเทศต้องการความยั่นยืน อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศก็เพื่อขจัดปัญหาต่างๆ เราต้องช่วยกันเพื่อให้ประเทศไปสู่การพัฒนาที่ยั่นยืนในทุกด้าน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สมัยที่เป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ตนเคยนั่งเป็นกรรมการบริษัท ไทยออยล์ ทำหน้าที่หลักคือการตอบคำถามเวลาที่มีการประชุม แต่เมื่อตอบไปปุ๊บเขาก็ปิดประชุมทันที ไม่รู้ว่าผู้เข้าร่วมประชุมมีความเข้าใจและเชื่อมั่นตนอยู่หรือไม่
“ผมเป็นทหารมาทั้งชีวิต วันนี้ก็คิดแต่ว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศเดินหน้าไปได้ วันนี้ผมต้องเร่งพัฒนาตัวเองเพราะรู้ว่าอ่อนด้อยในหลายเรื่อง ผมต้องการยุติความขัดแย้ง มาด้วยความจริงใจ ตอนเป็นทหารเล็กๆ ก็คิดว่าผมโตมาเป็นผู้พัน ผู้การฯ ผบ.พลฯ ผมจะทำอะไร แต่หลายคนไม่ได้เป็น แต่ผมได้เป็น วันนี้ได้เป็นนายกฯ ไม่เคยอยากเป็น ไม่เคยคิดจะเป็น ท่านก็รู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้นในบ้านเมือง วันนี้ต้องช่วยกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยืนยันว่าที่ผ่านมาตนไม่ได้ตามใจต่างประเทศ แม้กระทั่งการเช็นสัญญาความร่วมมือทางด้านรถไฟกับจีน ตนได้บอกว่าขอไปศึกษาก่อน โดยไม่ได้ให้จีนเข้ามาร่วมลงทุนแล้วกลับเอาจากไทยไปหมด ต้องยื่นข้อเสนอแล้วตั้งคณะกรรมการมาตกลงกัน โดยต้องพูดคุยกันให้ครบทุกขบวนการในเรื่องการแบ่งปันผลประโยชน์ ไม่ใช่การเซ็นทั้งหมดโดยไม่ทบทวนแผนงาน ทั้งนี้ถ้ายังประท้วงกันมากๆ ก็จะขายทิ้ง ซึ่งทุกวันนี้ เรื่องรถไฟเราใช้บารมีของรัชกาลที่ 5 โดยตลอด
“คราวที่แล้วตอนเป็นทหาร รัฐบาลให้ผมไปขุดคลอง ผมก็ไปขุดให้ ไม่คุ้มทุนเลย เพราะคนอยู่เต็มคลอง จ้างบริษัทเขาก็ไม่รับ ผมก็ต้องเอาทหารไปขุด โดยต้องรื้อบ้านก่อน ขุดเสร็จก็สร้างบ้านให้เขาใหม่” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้การเดินหน้าประเทศใช้ระเบียบสำนักนายกฯ ในการบริหาร โดยมี คสช.เป็นต้นกำเนินของแม่น้ำทั้งหมด เชื่อว่าทุกคนมีความต้องการร่วมปฏิรูปประเทศ และโดยส่วนตัวไม่สามารถไปห้ามใครรักใครหรือเกลียดใครได้ แต่อยากให้อยู่ร่วมกันด้วยความเมตตา ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็กำลังสร้างความโปร่งใสในกระบวนการยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพ และขณะนี้คดีต่างๆ กำลังออกมา ซึ่งคดีความถ้าไม่ผิดก็คงไม่ได้เข้าสู่กระบวนการ แต่การเข้าสู่กระบวนการจะทำให้ทุกอย่างจบลง
“อย่างเมื่อเช้าเขาก็จะให้ผมไปเป็นพยาน ผมบอก โถ่เอ๊ย ผมเป็นนายกฯ นะโว้ย ลืมไปหรือเปล่า เอาละๆ ร่วมมือเดี๋ยวผมส่งเอกสารไปก็ได้มั้ง แล้วผมถามกลับไปว่าคดีที่ให้ผมไปให้การนั้นมันเป็นอย่างไร แล้วทำไมพูดถึง มันไม่ได้ ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ทั้งหมดหากเข้ากระบวนการมันจะไปต่อได้ แต่ถ้าไม่ได้อยู่ในกระบวนการมันทำอะไรไม่ได้ หรือใครว่าผมพูดผิด จะผิดจะถูกค่อยว่ากัน แต่ต้องหายข้อเท็จจริงให้ได้ก่อน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า จะทำอย่างไรในการเพิ่มรายได้ลดความเหลื่อมล้ำ ที่ผ่านมาที่ผ่านมาศูยย์ดำรงธรรมมีเรื่องเข้ามา 2 แสนเรื่อง แก้ไป 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ ที่ผ่านมาเคยแก้ไปไหม วันนี้ต้องมีการรับรู้ ที่ตนพูดทุกวันศุกร์ เป็นสิ่งที่รัฐยบาลทำทั้งนั้น กลับไม่ฟังกัน แต่ตนจะพูดจนกว่าจะฟัง จีนทุกวันนี้ยังไม่เลิกการปฏิรูปเลย มาทวงแต่ว่าเมื่อไหร่จะคืน จะทำตามสัญญาเมื่อไหร่ ก็มันยังแก้กันไม่ได้ งั้นขอใครอยากสมัครเป็นนายกฯ มาเลย ไม่ต้องไปเลือกตั้ง สมัตรตอนนี้ตนคัดให้เลย ตนไม่ได้อยากเป็นอยู่แล้ว และไม่เข้าใจว่าทำไมคนถึงอยากเป็น เดี๋ยวก็มีคนมาแย่งกันอีก และวันนี้ทุกประเทศที่เขาประท้วงตน แต่ก็ค้าขายกับตนทั้งหมด มีการส่งตัวแทนธุรกิจมาหาตนทุกวัน จะสหรัฐฯ ยุโรป มาหมด ไม่ต้องกลัวหรอก เพราะเขาต้องกินอาหารจากเรา แต่เขาเกลียดตนคนเดียวไม่เป็นไรยอมรับได้ นั่นคือสิ่งที่ตนเสียไป แล้วยังไม่ได้อะไร
โดยตั้งแต่รัฐประหาร วันที่ 22 พ.ค. ตนไม่เคยยึดอะไรของใคร มีคนมาขอแอร์ยังให้แอร์เลย บอกว่านอนไม่มีแอร์ไม่ได้ ตนก็ไปหามาให้ เราต้องมีเป้าหมายของประเทศให้ได้ ต้องมีแบรนด์ นวัตกรรม มีการวิจัยพัฒนา และคนไทยต้องรู้ภาษาอังกฤษ จึงฝากกระทรวงศึกษาฯ ไว้ด้วย และปีหน้าเราจะขาดแรงงานถึง 1 แสนคน เราก็ต้องไปหาแรงงานเพิ่ม ซึ่งรัฐบาลอื่นเคยจดทะเบียนแรงงานได้หรือมไม่ แต่รัฐบาลนี้ทำได้ รวมถึงการแก้ปัญหาค้ามนุษย์ ที่ผ่านมาขาดการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เราได้เข้ามาแก้แม้จะบอกว่าช้า แต่ดีขึ้นกว่าเดิม ตนก็ดีใจนะ เราต้องมองเศรษฐกิจมหภาค ไทยต้องสร้างความเข้มแข็งให้อาเซียนให้ได้ การลงนามกับต่างประเทศต้องมีข้อแลกเปลี่ยน ศักดิ์ศรีของประเทศไทยต้องมี ที่ผ่านมาเราให้เขาไปเกือบหมด วันนี้ใครมาขออะไรกับตนก็จะต่อรอง ให้ซื้อของจากเราเพิ่มได้ไหม ตนพูดไปแบบนี้ เขาก็ตอบเยสๆ เอกชนก็ต้องเดินไปกับรัฐ บริษัทต่างๆ ก็ต้องร่วมมือกับรัฐ อย่ามาติติงรัฐนักเลย
นอกจากนี้ ทูตทุกคนต้องช่วยชี้แจงนักลงทุนได้ ตนจะเล่นงานทูตที่บอกว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย เรื่องการท่องเที่ยววันนี้ เราดีขึ้น ตนพูดไปแล้วว่าเขาอยากมาเที่ยวท่ามกลางกฎหมายพิเศษ เพราะมาแล้วรู้สึกปลอดภัย ซึ่งรัฐบาลตั้งกองทุนให้ สองร้อยล้าน มีอะไรมาเบิกได้ ตนสั่งให้ทุกกระทรวงทำแอปพลิเคชันให้ประชาชนรับรู้ ในเรื่องความโปร่งใส ไม่อย่างนั้นก็มาวิ่งเต้นกันอยู่นั่น ตนไม่พบใครทั้งนั้น บ้านไม่รับแขก ส่วนการบริหารจัดการน้ำ อย่ากังวล วันนี้เราทำทุกอย่าง เอาคณะมาทำงานมารื้อทำใหม่ทั้งหมด วางไว้ถึงปี 69 แต่ยังไม่ได้กู้สักบาท เราวางไว้อย่างนั้น สร้างโรงงานกำจัดขยะก็มีประท้วงแล้ว ถ้าสร้างแล้วไม่มีปัญหาเราก็ต้องสร้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในการปาถกฐาของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ว่าจะพูดในประเด็นอะไร จะมีการสอดแทรกด้วยมุกตลกตลอดเวลา ทำให้บรรยากาศในการฟังไม่เกิดความตึงเครียดและมีเสียงหัวเราะเป็นระยะ