ประธานบอร์ดทิสโก้เผย สถานการณ์ราคาพลังงานผันผวนหนัก จากปัจจัยลบทั้งในและต่างประเทศ แนะนักลงทุนควรหลีกเลี่ยง ชี้ดอกเบี้ยไทยสูงสุดในรอบ 5 ปี แนะ กนง.เร่งลดอัตราดอกเบี้ยลง ดึงเม็ดเงินต่างชาติเข้าไทย ส่วน “ณรงค์ชัย” คาดจะได้ความชัดเจนแผนเลื่อนเปิดสำรวจสัมปทานรอบที่ 21 ในอีก 3 เดือนข้างหน้า
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มสถานการณ์ด้านอุตสาหกรรมพลังงานทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในขณะนี้ ยังเป็นช่วงขาลง เนื่องจากทิศทางราคาน้ำมันโลกยังไม่ฟื้นตัว และปริมาณการใช้น้ำมันลดลงเนื่องจากสหรัฐอเมริกาหันไปให้ความสำคัญกับเชลก๊าซเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งประเทศไทยยังมีความเสี่ยงในเรื่องการเลื่อนสัมปทานรอบที่ 21 ออกไปซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ส่งผลต่อประเทศโดยตรง ส่งผลให้นักลงทุนต่างประเทศมองว่ามีความเสี่ยงของความไม่แน่นอนอย่างมาก จึงเลี่ยงที่จะเลือกลงทุน อีกทั้งแผนนโยบายผลิตพลังงานไฟฟ้าระยะยาว 25 ปีที่ต้องเลื่อนออกไป เพราะพลังงานการใช้ไฟฟ้าในขณะนี้ไม่ได้มีปริมาณมากเหมือนที่ได้เคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้ อีกทั้งสัญญาผลิตไฟฟ้าของบริษัทผลิตพลังงานทางเลือกทดแทนหลายราย ซึ่งจะประกาศใช้ในเดือนมีนาคมนี้ ได้กำหนดให้บริษัทผู้ที่ได้รับใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าจะต้องดำเนินการผลิตไฟฟ้าด้วยตนเองไม่สามารถขายใบอนุญาตให้ผู้อื่นได้
“ทิศทางการลงทุนในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานในตลาดหลักทรัพย์ขณะนี้ ยังไม่มีความโดดเด่นที่น่าสนใจมากนัก เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนอยู่มาก จากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก”
ขณะที่สถานการณ์ตลาดทุนไทยในขณะนี้อาจมีการแกว่งตัวขึ้นลงค่อนข้างมาก เนื่องจากราคาหุ้นไทยในปัจจุบันปรับตัวขึ้นมาแพงมาก สูงกว่าค่าเฉลี่ยหากเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคขณะนี้ โดยสาเหตุใหญ่มาจากกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน ยังไม่ฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน จากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่ยืดเยื้อมานานและการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉลี่ยผลประกอบการ 9 เดือนของบริษัทจดทะเบียนในปีที่แล้วลดลงกว่า 5% ซึ่งแนวโน้มทั้งปีคาดว่าจะติดลบมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทยในขณะนี้ สูงที่สุดในรอบ 5 ปี โดยสูงถึง 2.4% ซึ่งไม่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ตาม ธนาคารแห่งประเทศไทยควรลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 0.25% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้น และสร้างแรงดึงดูดให้นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
ส่วนนายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีประกาศเลื่อนเปิดสำรวจสัมปทานรอบที่ 21 ออกไปซึ่งยืนยันว่าจะเสร็จสิ้นในอีก 3 เดือนข้างหน้านั้น ทางกระทรวงพลังงานยอมรับว่าอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ทั้งนี้ หากนายกฯ มีกรอบระยะเวลาที่แน่นอนจะไม่กระทบต่อการลงทุนมากนัก โดยแผนปฏิรูปด้านพลังงานที่อยู่ระหว่างการจัดทำในขณะนี้เป็นไปเพื่อเป้าหมายการมีให้ประเทศไทยสามารถผลิตพลังงานใช้เองมากกว่า 50% จากปัจจุบันที่มีการนำเข้ามากถึง 80% โดยต้องการให้มีกำลังการผลิตสำรองไม่ต่ำกว่า 15-20% ซึ่งจะมีการเร่งผลักดันการจัดหาแหล่งก๊าซธรรมชาติให้เป็นเชื้อเพลิง โดยการให้เอกชนเป็นผู้ร่วมในการผลิต พร้อมสร้าง Infrastructure ด้านพลังงานให้มีศักยภาพที่สุด ขณะเดียวกันก็จะมีการสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทน-พลังงานทางเลือกให้มากขึ้น
“อนาคตราคา LPG ภาคขนส่งควรสูงกว่าภาคครัวเรือนจากปัจจุบันที่ใกล้เคียงกัน เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติ (NGV) และก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ภาคขนส่งยังอยู่ในระดับต่ำเกินไป ซึ่งปัจจุบันมีรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงดังกล่าวกว่า 1.2 ล้านคัน แต่ยังติดปัญหาด้านการลักลอบใช้ผิดประเภท และการเก็บภาษีที่หัวจ่ายจะช่วยลดปัญหาดังกล่าวได้”
