“พาณิชย์” ออกประกาศราคาแนะนำจำหน่ายก๊าซหุงต้มแล้ว กำหนดพื้นที่กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ต้องจำหน่ายถัง 15 กิโลกรัมไม่เกินถังละ 395 บาทรวมค่าขนส่งแล้ว พร้อมกำหนดให้ผู้จำหน่ายปลีกต้องปิดป้ายแสดงราคาให้ชัด ไม่ทำเจอปรับ 1 หมื่น แจ้งประชาชนหากพบมีการจำหน่ายราคาสูงรีบแจ้งสายด่วน 1569 จะเข้าไปจัดการทันที โทษหนักจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2558 กรมฯ ได้ออกประกาศสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เรื่อง ราคาจำหน่ายปลีกแนะนำก๊าซปิโตรเลียมเหลวบรรจุถัง (ก๊าซหุงต้ม) โดยกำหนดให้ผู้จำหน่ายปลีกก๊าซหุงต้ม ขนาด 15 กิโลกรัม (กก.) ในเขตกรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ต้องจำหน่ายปลีกในราคาไม่เกินถังละ 395 บาท โดยราคาดังกล่าวรวมค่าบริการขนส่งถึงสถานที่ของผู้ซื้อ ซึ่งมีระยะทางขนส่งในรัศมีไม่เกิน 5 กิโลเมตร แต่ไม่รวมค่าบริการขนส่งขึ้นบนอาคารสูง
ทั้งนี้ ยังกำหนดให้ผู้จำหน่ายปลีกต้องแสดงราคาจำหน่ายก๊าซหุงต้ม และค่าบริการขนส่งถึงสถานที่ของผู้ซื้อและค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือจากราคาจำหน่าย และผู้จำหน่ายต้องจำหน่ายให้ตรงกับราคาที่แสดงไว้ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท
“หากไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้จำหน่าย หรือได้รับการร้องเรียนว่ามีการจำหน่ายไม่ตรงตามราคาที่กำหนดไว้ กรมฯ จะใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเข้มงวด โดยมีโทษสูงสุดคือ จำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
สำหรับประชาชนทั่วไป หากพบว่ามีการจำหน่ายปลีกก๊าซหุงต้มในราคาสูงกว่าราคาแนะนำ หรือไม่ปิดป้ายแสดงราคา หรือจำหน่ายไม่ตรงกับราคาที่แสดงไว้ ให้แจ้งสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานการค้าภายในจังหวัดทั่วประเทศ กรมฯ จะจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ปัญหาการจำหน่ายก๊าซหุงต้มในราคาสูงเกินจริงเกิดขึ้นหลังจากที่กระทรวงพลังงานได้ปรับราคาจำหน่ายปลีกก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือน ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2556 เพิ่มขึ้น กก.ละ 6.03 บาท แต่ปัจจุบันสถานการณ์การจำหน่ายก๊าซหุงต้มขนาดถัง 15 กก. ซึ่งเป็นขนาดที่ใช้กันมากในครัวเรือน มีการจำหน่ายปลีกถังละ 415-420 บาท (รวมค่าบริการขนส่ง) ซึ่งเป็นราคาจำหน่ายปลีกที่สูงกว่าที่กระทรวงพลังงานให้ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้มีผู้ร้องเรียนมายังกรมฯ เป็นจำนวนมาก กรมฯ จึงได้มีการหารือร่วมกับผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว