ธปท. เผยผู้บริโภคยังรอความมั่นใจในการจับจ่าย แม้กำลังซื้อจะเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันที่ลดลงต่อเนื่อง ชี้ดอกเบี้ยยังไม่ใช่เครื่องมือหลักกระตุ้นเศรษฐกิจ แนะควรไปเร่งรัดการเบิกจ่ายภาครัฐ และโครงการลงทุนพื้นฐาน เพื่อให้เห็นชัดว่ามีความคืบหน้า และเกิดความเชื่อมั่น ส่วนที่กรณีปัญหา ศก.ในต่างประเทศ เชื่อไม่กระทบเงินทุนเคลื่อนย้าย
นายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อขณะนี้แม้จะอยู่ระดับต่ำ แต่ทั้งปี ธปท.ประเมินว่าจะกลับมาบวกเพิ่มขึ้นได้ เพราะหลังจากราคาน้ำมันลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อสินค้าเพิ่ม เพราะอาจรอจนเงินออมมีความพร้อมในการซื้อสินค้า จึงจะทำให้การบริโภคเพิ่มขึ้นเมื่อมีความมั่นใจ
สำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจขณะนี้ นายจิรเทพ กล่าวว่า นโยบายการคลังเป็นส่วนสำคัญมาก รัฐบาลจึงควรเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ งบลงทุน เพื่อให้การจัดซื้อจัดจ้าง ทำให้โครงการลงทุนดูคืบหน้าเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค เพราะแม้ ธปท.จะลดอัตราดอกเบี้ย แต่คงไม่ทำให้ธนาคารพาณิย์ปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นในทันที เพราะต้องพิจารณาหลายปัจจัยควบคู่กัน โดยเดือนธันวาคมที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อยังคงทรงตัวขยายตัวเพียงร้อยละ 3.8
ส่วนการส่งออกทั้งปี ธปท.คาดการณ์ขยายตัวร้อยละ 1 มองว่าไม่สูงเท่ากับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่คาดการณ์ร้อยละ 3.5 เพราะต้องประเมินอย่างรอบคอบ เนื่องจากสินค้าเกษตรยังสัมพันธ์กับราคาน้ำมันลดลง ราคาสินค้าเกษตรจึงอยู่ในระดับต่ำ และสินค้าเกษตรมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 18 ของสินค้าส่งออกทั้งหมด จึงทำให้รายได้เกษตรกรไม่สูงมาก จึงกระทบกำลังซื้ออีกด้านหนึ่ง ธปท. จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
ส่วนกรณีประเทศกรีซไม่สามารถเจรจาตกลงกับธนาคารกลางยุโรปได้ ในกรณีภาระหนี้จะครบกำหนดหลายประเภท แต่ต้องการขอกู้เงินเพิ่มนั้น และเมื่อกรีซเข้าโครงการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) จะต้องปฏิรูปหลายด้าน เพราะสัดส่วนหนี้สูงถึงร้อยละ 175 ของจีดีพี ปัญหาดังกล่าวคงต้องหาข้อบรรลุร่วมกันระดับหนึ่ง มองว่าไม่ส่งผลต่อเงินทุนเคลื่อนย้ายมาก โดยปัจจุบันทุนต่างชาติไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้น 108 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ประมาณ 418 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จึงมีเงินทุนไหลออก 310 ล้านดอลลาร์สหรัฐในตลาดเงินตลาดทุน