ThaiBMA คาดสหรัฐฯ ขึ้น ดบ.ไม่กระทบต่อเงินทุนไหลออกมาก มอง กนง.น่าจะขึ้น ดบ.ปลายปี เผยปีที่ผ่านมาตลาดบอนด์เติบโตต่อเนื่อง หลังเอกชนหุ้นกู้สูงถึง 553,940 ล้านบาท เหตุดอกเบี้ยต่ำแสดงให้เห็นถึงการตื่นตัวของภาคเอกชนในการใช้โอกาสระดมทุนและปรับโครงสร้างต้นทุนทางการเงินในจังหวะที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดอยู่ในระดับต่ำ
นายธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยว่า ตลาดตราสารหนี้ไทยในปี 2557 ที่ผ่านมามีมูลค่าคงค้าง (Outstanding) อยู่ที่ 9.92 ล้านล้านบาท เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่มูลค่าการซื้อขายในตลาดรองอยู่ที่ประมาณวันละ 77000 ล้านบาท โดยสัดส่วนการซื้อขายตราสารหนี้เป็นกลุ่ม บลจ.ที่มีการซื้อขายสูงสุดถึง 61% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อขายเป็นอันดับที่ 2 ประมาณ 13%
โดยมูลค่าคงค้างของตราสารหนี้ระยะยาวภาคเอกชนเติบโตขึ้นร้อยละ 10.5 จากการที่ภาคเอกชนระดมทุนผ่านการออกตราสารหนี้ระยะยาว (หุ้นกู้) สูงถึง 553,940 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 32 จากปี 2557 ในขณะที่มีจำนวนผู้ออกหุ้นกู้ที่เป็นรายใหม่ (Newcomer) สูงถึง 24 ราย เมื่อรวมกับบริษัทที่เคยออกหุ้นกู้มาก่อนแล้วจำนวน 64 ราย ทำให้ในปี 2557 มีจำนวนผู้ออกหุ้นกู้ระยะยาวรวม 88 บริษัทซึ่งถือเป็นจำนวนผู้ออกหุ้นกู้ที่สูงสุดจากที่ผ่านมา
สำหรับตราสารหนี้ระยะสั้นมีมูลค่าคงค้างเพิ่มขึ้นร้อยละ 28 จาก 290,444 ล้านบาทเป็น 371,572 ล้านบาท โดยมียอดการออกรวม 1.16 ล้านล้านบาท เป็นบริษัทผู้ออกรายใหม่สูงถึง 56 บริษัทเมื่อเทียบกับ 21 บริษัทในปีที่แล้ว
ขณะที่เงินทุนไหลออกต่างชาติ ในปี 2557 ไหลออกสุทธิเท่ากับ 26.200 ล้านบาท เนื่องจากปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปลายปี 2556 และความกังวลเกี่ยวกับมาตรการ QE ซึ่งส่งผลให้ในช่วง 5 เดือนแรกของปีมีกระแสเงินต่างชาติไหลออกถึง 69,900 ล้านบาท เป็นการไหลออกในตราสารหนี้ระยะสั้น 29,200 ล้าน และตราสารหนี้ระยะยาว 40,708 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในช่วง7 เดือนหลังของปี มิ.ย.-ธ.ค. มียอดเงินไหลเข้ากว่า 43,700 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่ปรับตัวดีขึ้นหลัง คสช.ประกาศแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2557 นักลงทุนต่างชาติถือครองตราสารหนี้ไทยรวมมูลค่า 683,215 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยประมาณร้อยละ 3.7 จาก 707,900 ล้านบาทในปี 2556
“แม้ว่าเศรษฐกิจในปี 2557 จะยังขยายตัวในระดับต่ำ แต่ภาคเอกชนกลับระดมทุนผ่านการออกตราสารหนี้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในจังหวะที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ และคาดว่าในปี 2558 จะมีมูลค่าการออกหุ้นกู้ประมาณ 520,000-540,000 ล้านบาท”
คาดยังไม่ขึ้น ดบ.
นายธาดา กล่าวว่า การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดในช่วงครึ่งหลังของปี 2558 เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง การส่งออกที่ชะลอตัว และการบริโภคที่อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งไม่เป็นปัจจัยกดดันให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันผลตอบแทนของอัตราดอกเบี้ยไทยยังเท่ากับประเทศเพื่อนบ้าน
ขณะที่การขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ก็ไม่น่าจะกระทบต่อเงินทุนที่จะไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ไทยนัก เพราะการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ จะปรับขึ้นไปอย่างช้าๆ ส่วนอัตราดอกเบี้ยระยะยาวมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นอย่างเร็วที่สุดในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2558 เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศกลุ่มยูโรโซน และญี่ปุ่น ยังฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ ในขณะที่จีนได้มีการปรับทิศทางของนโยบายการเงิน และเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มฟื้นตัว
นอกจากนี้ยังกล่าวถึงบทบาทของสมาคมตลาดตราสารหนี้ว่า ทางสมาคมฯ ได้เสนอต่อสภาตลาดทุนในเรื่องการเป็นตัวกลางในการให้ความรู้แก่นักลงทุนในตลาดทุนไม่เพียงแต่การลงทุนในตราสารหนี้เท่านั้น และได้เสนอให้มีการออกตราสารหนี้เพื่อระดมทุนในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะเป็นตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูงและไม่เกิดหนี้สาธารณะซึ่งได้มีการให้ความรู้ผ่านบางบริษัทไปบ้างแล้ว
