กรรมการผู้จัดการ TFEX เผยยังไม่ได้ข้อสรุปการควบรวม 2 ตลาด รอให้กระทรวงพาณิชย์รับหลักเกณฑ์และข้อตกลงก่อนเสนอสภาพิจารณา ขณะเดียวกัน เตรียมที่จะไปเสนอข้อมูลแบบ one to one ให้นักลงทุนต่างประเทศที่ฮ่องกง ตั้งเป้าระยะสั้นให้ได้ไม่น้อยกว่า 8-10%
นางสาวรินใจ ชาครพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย ) หรือ TFEX กล่าวว่า ความคืบหน้าการควบรวมระหว่างตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือ TFEX และตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย หรือ AFET ขณะนี้อยู่ในช่วงระหว่างรอทางกระทรวงพาณิชย์พิจารณาหลักเกณฑ์และข้อตกลง ซึ่งจะได้เสนอเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ชุดใหม่ ทั้งนี้หากเป็นตามตามหลักการของสภาฯ จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 120 วันจึงจะได้ข้อสรุป
อย่างไรก็ตาม หากผ่านการพิจารณาแล้วในระยะแรกจะอนุญาติให้ทำการซื้อขายเฉพาะสินค้าที่มีอยู่แล้ว เช่น ยางพารา มันเส้น สับปะรดกระป๋อง เท่านั้น ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยกับโบรกเกอร์รายไหนที่จะขอใบอนุญาตแบบฟูลไลเซนส์กับทางตลาดหลักทรัพย์ โดยมีข้อกำหนดให้โบรกเกอร์ที่จะขอใบอนุญาติแบบฟูลไลเซนส์จะต้องมีทุนจดทะเบียนขั้นต่ำที่ 100 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในส่วนของสินค้าของ AFET อยู่ในช่วงของการประเมินว่าจะเอาสินค้าชนิดไหนมาทำหลังจากควบรวมกับ TFEX แล้ว โดยในระยะแรกคาดว่าจะไม่มีสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แต่จะเน้นการปรับปรุงระบบการซื้อขายให้มีความเหมาะสมในการเทรดมากขึ้น
ขณะเดียวกัน TFEX เตรียมที่จะไปเสนอข้อมูลแบบ one to one กับนักลงทุนสถาบันการเงินในต่างประเทศ เพื่อขยายฐานลูกค้าเพิ่มเติม โดยเตรียมที่จะไปยังเขตปกครองพิเศษ ฮ่องกง ในช่วงปลายเดือนมีนาคม หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ไปเสนอข้อมูลแก่นักลงทุนในสิงคโปร์ มาแล้ว ซึ่ง TFEX ตั้งเป้าที่จะให้ลูกค้านักลงทุนต่างประเทศเข้ามาเทรดเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 8-10% โดยในระยะยาวตั้งเป้าให้นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใกล้เคียงกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ประมาณ 20%
“เป้าหมายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเฉลี่ยต่อวันขณะนี้อยู่ที่ 190,000 สัญญา เทียบจากต้นปีมาถึงวันที่ปัจจุบันเฉลี่ย 180,000 สัญญาต่อวัน ซึ่งการที่มีปริมาณการซื้อขายต่อวันที่เพิ่มสูงขึ้นมาจากสัญญาในทุกประเภทได้แก่ดอลลาร์สหรัฐและทองคำ”
ส่วนมาร์เก็ตเมกเกอร์ที่ได้ดำเนินการขึ้นระบบการซื้อขายล่วงหน้าออปชันไปแล้ว 2 ราย คือ Ausiris และ KGI ขณะที่อีก 3 ราย คือ ภัทร, ทรีนีตี้ และเมย์แบงก์ กิมเอ็ง โดยคาดว่าจะสามารถขึ้นระบบการซื้อขายล่วงหน้าออปชันได้เสร็จเรียบร้อยภายในปีนี้
