บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ตั้งเป้าปีนี้ขยายฐานนักลงทุนเพิ่มเป็น 195,000 บัญชี ด้วยการหนุนจากแบงก์แม่ มุ่งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจาก 14.6% เป็น 15% และตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดด้านธุรกรรมออนไลน์ ให้อยู่ระดับ 20% และขยายฐานลูกค้าโดยรวมเพิ่มขึ้นอีกกว่า 20,000 บัญชี หรือคิดเป็นการเติบโต 10% ตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15%
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ MBKET เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 4,434.65 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,252.49 ล้านบาท แม้ภาพรวมปริมาณการซื้อขายจะปรับลดลง เนื่องจากได้รับผลกระทบทางการเมือง แต่ก็ถือว่าบริษัทฯ เติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง เพราะมีการกระจายรายได้ที่หลากหลาย แบ่งเป็นงานนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ 71% ดอกเบี้ยรับ 21% วาณิชธนกิจ 5% และอื่นๆ 3%
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายจะรักษาการเป็นอันดับหนึ่งด้านส่วนแบ่งทางการตลาดของธุรกิจ โดย ณ สิ้นปี 2557 อยู่ที่ 10.56% ซึ่งเป็นการเฉลี่ยน้ำหนักของนักลงทุนในประเทศ 14.6% นักลงทุนสถาบันในประเทศ 5.6% และนักลงุทนสถาบันต่างประเทศ 2.3% คิดเป็นฐานลูกค้าที่เปิดบัญชีกับบริษัทฯ ทั้งสิ้น 170,000 บัญชี เป็นนักลงทุนที่มีการซื้อขายสม่ำเสมอ 50% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยตั้งเป้าขยายฐานนักลงทุนเพิ่มเป็น 195,000 บัญชี ในปีนี้ ด้วยการสนับสนุนของธนาคารระดับโลกอย่างธนาคารเมย์แบงก์ ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งถือได้ว่าเป็นส่วนช่วยผลักดันให้บริษัทฯ เป็นโบรกเกอร์ที่แข็งแกร่งด้านโครงสร้าง การเงิน ตลอดจนการให้บริการ อีกทั้งมีการบริหารความเสี่ยงที่ดี มีเครดิตเรตติง จากฟิทช์ อยู่ที่ AA (TH) ซึ่งเทียบเท่ากับธนาคารชั้นนำของไทย เช่น ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกสิกรไทย ด้านสถาบันในประเทศ บริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาด 1 ใน 10 รายแรกของสถาบันในประเทศทั้งหมด
ขณะที่สัดส่วนสถาบันต่างประเทศก็ได้ธนาคารเมย์แบงก์ช่วยสนับสนุนให้มีลูกค้าสถาบันต่างประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สำหรับสายงานวาณิชธนกิจ ปัจจุบันมีดีลการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (ไอพีโอ) ประมาณ 5-7 บริษัท และมีกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน 2-3 บริษัท รวมถึงกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ อีก 2-3 บริษัท มูลค่าระดมทุนรวมทั้งหมดกว่า 10,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ กลุ่มเมย์แบงก์มีการสนับสนุนด้านงาน Golbal Wholsale Banking ซึ่งมีความพร้อมและแข่งขันได้มากในการปล่อยสินเชื่อให้กับบริษัทไทยที่จะลงทุนในต่างประเทศ ดังที่ได้ปล่อยสินเชื่อในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เป็นมูลค่ากว่า 40,000 ล้านบาท
นางบุญพร บริบูรณ์ส่งศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานธุรกิจหลักทรัพย์ บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ MBKET เปิดเผยว่า สำหรับธุรกิจหลักทรัพย์ในประเทศ บริษัทฯ มุ่งขยายฐานลูกค้ารายย่อย โดยมุ่งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจาก 14.6% เป็น 15% ในปี 2558 และตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดด้านธุรกรรมออนไลน์ให้อยู่ระดับ 20% และขยายฐานลูกค้าโดยรวม เพิ่มขึ้นอีกกว่า 20,000 บัญชี หรือคิดเป็นการเติบโต 10%
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนจะรุกด้วยการออกบริการและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ครบถ้วนและครอบคลุม ตรงใจตอบโจทย์ทุกความต้องการของนักลงทุน อาทิ โปรแกรม ALGO Trading ซึ่งเป็นโปรแกรมที่เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่เพื่อความง่ายในการซื้อขาย, โปรแกรม i2Trade Plus เป็นระบบคำสั่งซื้อขายหุ้นแบบอัตโนมัติตามเงื่อนไขที่นักลงทุนกำหนดไว้ซึ่งเหมาะกับผู้ใช้ i2Trade Plus อยู่แล้ว โดยจะเพิ่มคำสั่งการซื้อขายแบบออโต้เทรด
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ออกโปรแกรม SSF Block Trade ซึ่งเป็นบริการซื้อขายล็อตใหญ่ สำหรับ Single Stock Futures ในตลาด TFEX ซึ่งได้รับการอนุมัติวงเงินสูงสุดจากเมย์แบงก์กรุ๊ปถึง 4,200 ล้านบาท ด้านการขยายสาขา บริษัทฯ จะขยาย Kiosk แทนการเปิดสาขา เนื่องจากสามารถเข้าถึงนักลงทุนเป้าหมายได้ ปัจจุบันมีเปิดให้บริการอยู่ 3 แห่ง ได้แก่ สถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรีย์ หมอชิต และศาลาแดง นางบุญพร กล่าว
สำหรับแผนงาน 3 ปีข้างหน้าบริษัทฯ จะเร่งพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ เพื่อรองรับ Asset Class ที่หลากหลาย เช่น แผนการจัดตั้งฝ่าย Fixed Income เพื่อให้บริการสินค้าในตลาดตราสารหนี้ เช่น Bond ทั้งในและต่างประเทศ ตั๋ว BE หรือ ELN โดยจะเน้นในตลาดรอง รวมถึงเร่งพัฒนาระบบ ALGO Trading ให้มีความเสถียร รองรับการใช้งานจากผู้ลงทุน นอกจากนั้น บริษัทฯ จะเร่งพัฒนา และเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุน หรือ IC ให้มีความรอบรู้ และมีจรรยาบรรณที่ดีเป็นพื้นฐาน