สมาร์ทคอนกรีต งวดสิ้นปี 57 กำไรเพิ่มกว่า 100% ผลดีจากการบริหารต้นทุนเชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งการ Re-Finance ทำให้ต้นทุนทางการเงินต่ำลง ส่งผลให้มีตัวเลขกำไรจากรายการพิเศษ ดันผลการดำเนินงานให้กำไรโต
นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการบริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART แจ้งผลงานงวดสิ้นปี 57 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 41.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 20.80 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20.9 ล้านบาท คิดเป็น 100.48% ผลดีจากการบริหารจัดการต้นทุนเชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้สามารถลดต้นทุนเชื้อเพลิงได้ แม้ว่าโดยภาพรวมการดำเนินงานจะได้รับผลกระทบจากความต้องการของตลาดที่ชะลอตัวตามปัจจัยทางการเมือง ทำให้ราคาขายปรับลดลงเป็นทิศทางเดียวกันทั้งตลาดวัสดุก่อสร้าง บริษัทฯ มีการลงทุนในเครื่องจักรเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต
ขณะเดียวกัน ก็มีการลดต้นทุนเชื้อเพลิง รวมถึงการมีต้นทุนทางการเงินลดลงเป็นผลจากการ Re-Finance ภาระหนี้จากเจ้าหนี้สถาบันการเงินเดิมไปยังสถาบันการเงินใหม่ ซึ่งมีเงื่อนไขการสนับสนุนที่ดีกว่า และการชำระคืนเงินต้นอย่างสม่ำเสมอ ส่วนกำไรสุทธิอีกส่วนมาจากกำไรพิเศษ 21.98 ล้านบาท จากการแบ่งที่ดินจำนวนหนึ่งขายให้แก่บริษัท ซีซีพี เพวิ่งสโตนส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ
โดยงวดนี้บริษัทมีรายได้รวม 432.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.25 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3.66% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ประกอบด้วย รายได้จากการขาย 409.08 ล้านบาท ลดลง 7.39 ล้านบาท หรือลดลง 1.78 % และรายได้อื่น 23.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.66 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2,368.69% การลดลงของรายได้จากการขาย เนื่องจากความต้องการของตลาดชะลอตัวตามปัจจัยทางการเมืองทำให้ราคาขายปรับลดลงตามกลไกตลาดเป็นทิศทางเดียวกันทั้งตลาดวัสดุก่อสร้าง ถึงแม้กำลังการผลิตของบริษัทฯ จะเพิ่มขึ้นก็ตาม รายได้อื่นแบ่งเป็นกำไรจากการแบ่งขายที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงาน และโรงงานของบริษัทในปัจจุบัน ซึ่งเป็นที่ดินเปล่าที่ไม่ได้ใช้ในการดำเนินธุรกิจให้แก่บริษัท ซีซีพี เพวิ่งสโตนส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ 21.98 ล้านบาท และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน รายได้จากการขายของเบ็ดเตล็ด 1.63 ล้านบาท
ขณะที่บริษัทมีต้นทุนขาย 340.56 ล้านบาท ทำให้มีกำไรขั้นต้นจากการดำเนินงานปกติ 68.53 ล้านบาท (ไม่รวมกำไรจากการขายที่ดิน) คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 16.75% โดยกำไรขั้นต้นลดลง 14.82 ล้านบาท หรือลดลง 17.78 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นลดลงจากปีก่อน เนื่องจากรายได้จากการขายลดลงตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ทั้งนี้ บริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนเชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้สามารถลดต้นทุนเชื้อเพลิงได้
นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการบริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART แจ้งผลงานงวดสิ้นปี 57 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 41.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 20.80 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20.9 ล้านบาท คิดเป็น 100.48% ผลดีจากการบริหารจัดการต้นทุนเชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้สามารถลดต้นทุนเชื้อเพลิงได้ แม้ว่าโดยภาพรวมการดำเนินงานจะได้รับผลกระทบจากความต้องการของตลาดที่ชะลอตัวตามปัจจัยทางการเมือง ทำให้ราคาขายปรับลดลงเป็นทิศทางเดียวกันทั้งตลาดวัสดุก่อสร้าง บริษัทฯ มีการลงทุนในเครื่องจักรเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต
ขณะเดียวกัน ก็มีการลดต้นทุนเชื้อเพลิง รวมถึงการมีต้นทุนทางการเงินลดลงเป็นผลจากการ Re-Finance ภาระหนี้จากเจ้าหนี้สถาบันการเงินเดิมไปยังสถาบันการเงินใหม่ ซึ่งมีเงื่อนไขการสนับสนุนที่ดีกว่า และการชำระคืนเงินต้นอย่างสม่ำเสมอ ส่วนกำไรสุทธิอีกส่วนมาจากกำไรพิเศษ 21.98 ล้านบาท จากการแบ่งที่ดินจำนวนหนึ่งขายให้แก่บริษัท ซีซีพี เพวิ่งสโตนส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ
โดยงวดนี้บริษัทมีรายได้รวม 432.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.25 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3.66% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ประกอบด้วย รายได้จากการขาย 409.08 ล้านบาท ลดลง 7.39 ล้านบาท หรือลดลง 1.78 % และรายได้อื่น 23.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.66 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2,368.69% การลดลงของรายได้จากการขาย เนื่องจากความต้องการของตลาดชะลอตัวตามปัจจัยทางการเมืองทำให้ราคาขายปรับลดลงตามกลไกตลาดเป็นทิศทางเดียวกันทั้งตลาดวัสดุก่อสร้าง ถึงแม้กำลังการผลิตของบริษัทฯ จะเพิ่มขึ้นก็ตาม รายได้อื่นแบ่งเป็นกำไรจากการแบ่งขายที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงาน และโรงงานของบริษัทในปัจจุบัน ซึ่งเป็นที่ดินเปล่าที่ไม่ได้ใช้ในการดำเนินธุรกิจให้แก่บริษัท ซีซีพี เพวิ่งสโตนส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ 21.98 ล้านบาท และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน รายได้จากการขายของเบ็ดเตล็ด 1.63 ล้านบาท
ขณะที่บริษัทมีต้นทุนขาย 340.56 ล้านบาท ทำให้มีกำไรขั้นต้นจากการดำเนินงานปกติ 68.53 ล้านบาท (ไม่รวมกำไรจากการขายที่ดิน) คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 16.75% โดยกำไรขั้นต้นลดลง 14.82 ล้านบาท หรือลดลง 17.78 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นลดลงจากปีก่อน เนื่องจากรายได้จากการขายลดลงตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ทั้งนี้ บริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนเชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้สามารถลดต้นทุนเชื้อเพลิงได้