บอร์ด “ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น” เคาะราคาหุ้นเพิ่มทุนสำหรับการจัดสรรแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) ครั้งที่ 2 หุ้นละ 0.45 บาท จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 87 หุ้นเดิมต่อ 10 หุ้นใหม่ กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XR วันที่ 6 ก.พ.นี้ ก่อนกำหนดจองซื้อและชำระเงินค่าหุ้น 2-6 มี.ค. ผู้บริหารเผยระดมทุนรอบใหม่ หวังรุกขยายธุรกิจคู่ขนาน ทั้งเสริมแกร่งธุรกิจ ลุยปรับปรุง-ขยายสาขาเพิ่ม พร้อมต่อยอดโครงการอสังหาฯ เต็มสูบ
นางปิยะนุช รังคสิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TWZ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติให้จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) ครั้งที่ 2 โดยจะจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน716,636,388 ล้านหุ้น ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 87 หุ้นเดิมต่อ 10 หุ้นใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.45 บาท
โดยบริษัทฯ กำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XR ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558 ก่อนจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุน (Record Date) ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ และปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2558 โดยกำหนดวันจองซื้อและชำระเงินค่าหุ้นเพิ่มทุนในระหว่างวันที่ 2-6 มีนาคม 2558 สำหรับการระดมทุนครั้งนี้ เพื่อรองรับการประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หลังจากที่บริษัท ปิยะชาติ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ TWZ ถือหุ้น 100% ได้เข้าซื้อโครงการ “เลอ อันดามัน” เพื่อพัฒนาโครงการอาคารชุดพักอาศัยบนที่ดินติดชายทะเล ที่จังหวัดระยอง เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ 2 งาน ซึ่งโครงการนี้ได้ผ่านการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยบริษัท ปิยะชาติ ต้องใช้เงินลงทุนในการก่อสร้างอีกประมาณกว่า 100 ล้านบาท ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมีแผนดำเนินการโครงการอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ซึ่งกำลังศึกษาข้อมูลของที่ดิน เพื่อนำมาพัฒนาและลงทุน โดยประมาณการเงินลงทุนไว้ 150 ล้านบาท
“นอกจากโครงการอสังหาริมทรัพย์ซึ่งกำลังไปได้ดีและมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในทำเลดีๆ อย่างที่ดินติดชายทะเลในจังหวัดระยองแล้ว เรายังมีแผนปรับปรุงสาขาและขยายสาขาของ TWZ ภายในระยะเวลา 1 ปี ซึ่งปีนี้เรามุ่งมั่นที่จะขยายทั้งธุรกิจหลักทางด้านสื่อสารให้มีความแข็งแกร่งตามกระแสเทคโนโลยี ที่ยังคงมีแนวโน้มเติบโตและคึกคักต่อเนื่อง พร้อมกับเสริมโอกาสให้กับธุรกิจด้วยการลงทุนต่อยอดในโครงการอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงมองหาโอกาสในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ซึ่งเท่ากับเป็นการรุกธุรกิจทั้ง 2 ด้านพร้อมๆ กัน ซึ่งเราเชื่อว่า ทั้งหมดนี้จะสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างน่าพอใจ โดยเฉพาะโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่จะสามารถเก็บเกี่ยวผลตอบแทนได้ในระยะยาว” นางปิยะนุช กล่าว
