นักวิชาการ ศศ. มองทิศทางตลาดการเงินโลกจะผันผวนเพิ่มขึ้นอีก แต่ยังไม่เกิดสงครามค่าเงิน โดยเงินบาทจะแข็งค่าอย่างมากเมื่อเทียบกับเยน และยูโร แต่จะอ่อนค่าเล็กน้อย เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยประเมินว่าการดำเนินมาตรการรับมือต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนระยะสั้นเก็งกำไรจะไหลเข้าประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง และมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีกว่า ทำให้เกิดภาวการณ์แข่งขันการลดค่าเงิน เพื่อประคับประคองภาคการผลิตเพื่อการส่งออกของประเทศตัวเอง โดยจะไม่ถึงขั้นเกิดภาวะ Currency War อย่างที่มีการวิตกกังวลกัน
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ และคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า ในช่วง 6 เดือนข้างหน้าตลาดการเงินจะมีความผันผวนเพิ่มสูงขึ้นอีกจากการดำเนินนโยบาย QE ของธนาคารกลาง และธนาคารกลางญี่ปุ่นก็ผ่อนคลายนโยบายการเงิน และทำ QE เพิ่มเติมเช่นกัน
ประเมินว่า การดำเนินมาตรการรับมือต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนระยะสั้นเก็งกำไรไหลเข้าประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง และมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีกว่า ทำให้เกิดภาวการณ์แข่งขันการลดค่าเงินเพื่อประคับประคองภาคการผลิตเพื่อการส่งออกของประเทศตัวเอง ไม่ถึงขั้นเกิดสงครามค่าเงิน (Currency War) อย่างที่มีการวิตกกังวลกัน
ขณะเดียวกัน ค่าเงินรูเบิล และเศรษฐกิจรัสเซียจะทรุดตัวมากกว่าเดิมในช่วงครึ่งปีแรก ขณะที่การต่อรองเงื่อนไขการกู้เงินของรัฐบาลใหม่กรีซ จะทำให้เจ้าหนี้อาจไม่ปล่อยสภาพคล่องให้รัฐบาลกรีซ และมีผลกระทบลูกโซ่ต่อฐานะของธนาคารในเยอรมนี และฝรั่งเศส รัฐบาลใหม่กรีซจากพรรคไซริซา มีท่าทีชัดเจนในการต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดของเจ้าหนี้ แต่ยังคงใช้เงินยูโร และเป็นสมาชิกของอียูต่อไป ผลกระทบต่อความปั่นป่วนของตลาดการเงินโลกจึงมีจำกัด อย่างไรก็ตาม ทางการไทยควรมีมาตรการ และนโยบายที่เหมาะสมในการดูแลความผันผวนในตลาดการเงิน
ทั้งนี้ จะเห็นสัญญาณเงินบาทแข็งค่าอย่างมากเมื่อเทียบกับเยน และยูโรตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป และเงินบาทจะอ่อนค่าลงเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐอเมริกา
พร้อมกันนี้ ยังคาดว่าดุลการค้าในไตรมาสแรกปีนี้ (2558) จะเกินดุลการค้าไม่ต่ำกว่า 9 พันล้านดอลลาร์ และเกินดุลบัญชีเดินสะพัดไม่น่าจะน้อยกว่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ นับเป็นการเกินดุลทั้ง 2 บัญชีสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเป็นผลจากการลดลงของราคาน้ำมันเป็นหลัก ซึ่งทาง ม. รังสิต ได้ปรับประมาณการอัตราการขยายตัวของมูลค่าส่งออกของไทยลงมาอยู่ที่ระดับ 1.5-2.5%