“คอลลิเออร์ส” คาดคอนโดฯ เปิดใหม่ปี 58 โต 10% ราว 5.5 หมื่นยูนิต ผู้ประกอบการเน้นพัฒนาคอนโดฯราคา 1 แสนบาท/ตร.ม. มากสุด หลังพบปี 57 คอนโดฯ ไม่เกิน 2 ล้านบาท ยอดรีเจกต์สูงสุด เผยสิ้นปี 57 คอนโดฯ เหลือขาย 4 หมื่นยูนิต ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาทเหลือมากที่สุด ขณะที่อัตราขายเฉลี่ยแค่ 60%
นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ปี 2558 มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น คาดว่าจะมีคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ เปิดใหม่เพิ่มขึ้น 10% รวม 55,000 ยูนิต จากปี 2557 เปิดตัวอยู่ที่ 50,000 ยูนิต โดยมีปัจจัยจากการที่รัฐบาลเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ และมีความเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจะพัฒนาคอนโดฯ ราคาขาย 1 แสนบาทขึ้นไปต่อ ตร.ม. หรือราคาขายยูนิตละ 3 ล้านบาทมากที่สุด โดยส่วนหนึ่งมาจากราคาที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมายังพบว่ากลุ่มลูกค้าที่มีปัญหาถูกปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงิน หรือรีเจกต์ เป็นกลุ่มคอนโดฯ ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ซึ่งลูกค้าจะติดปัญหาหนี้ครัวเรือน จากปัญหาดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการหันไปพัฒนาคอนโดฯ ราคาตั้งแต่ 3 ล้านบาท ขึ้นไปเพื่อเลี่ยงความเสี่ยง
สำหรับอัตราการขายเฉลี่ยปีนี้เพิ่มขึ้นไม่มากอยู่ที่ 60% จากอัตราการเฉลี่ยปี 57 อยู่ที่ 56% ลดลงจากปี 56 ที่มีอัตราการขายกว่า 63% โดยอัตราการขายดีจะอยู่แนวรถไฟฟ้า เช่น แนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวหมอชิต-แบริ่ง ยอดขาย 70% สายสีน้ำเงิน ยอดขาย 75% สายสีม่วง ยอดขาย 70% อย่างไรก็ตาม พบว่ายอดขายบางสถานีของรถไฟฟ้ายังขายได้ช้า เช่น สถานีวุฒากาศ มียอดขายเพียง 36% ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2557 เหลือขาย 6,000 ยูนิต ซึ่งจำนวนนี้เป็นกลุ่มเก็งกำไรประมาณ 15%
นายสุรเชษฐ กล่าวต่อว่า แม้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น แต่ในแง่ของกำลังซื้อคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นไม่มาก เพราะกำลังซื้อปรับขึ้นไม่ทันต่อการขยายโครงการใหม่ และการที่ธนาคารยังเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อซึ่งอาจกระทบต่อกลุ่มตลาดล่างได้ นอกจากนี้ ต้องติดตามตัวเลขอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจหรือจีดีพี ไตรมาสที่ 4/57 ว่าจะเป็นจะเป็นอย่างไร รวมทั้งดูสถานการณ์ในช่วงครึ่งปีแรกว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวดีหรือไม่ เพราะจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อ และภาคอสังหาริมทรัพย์ได้
ปัจจุบัน ซัปพลายคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ณ สิ้นปี 2557 เหลือขายทุกระดับราคา ประมาณ 40,000 ยูนิต ซึ่งเป็นคอนโดฯ เปิดขายมาในช่วง 5 ปี (2553-2557) จากจำนวนรวม 177,900 ยูนิต และเมื่อรวมกับยูนิตของกลุ่มที่ซื้อเก็งกำไรที่จะกลับมาขายอีกรอบ ทำให้จำนวนคอนโดฯเหลือขายมากถึง 60,000 ยูนิต โดยซัปพลายเหลือขายมากสุด จะเป็นกลุ่มคอนโดฯ ที่มีราคาขายต่ำกว่า 6 หมื่นบาทต่อ ตร.ม.หรือราคาขายไม่เกิน 2 ล้านบาท แม้ว่าเป็นกลุ่มที่มีฐานลูกค้ามากที่สุดในกรุงเทพฯ แต่ผู้ซื้อบางส่วนติดปัญหาหนี้ครัวเรือน สะท้อนจากยอดรีเจกต์ลูกค้ากลุ่มนี้อยู่ที่ 10-15% ของยอดรวม
“การพัฒนาโครงการใหม่ของผู้ประกอบการ เชื่อว่าจะเน้นพัฒนาในทำเลเดิมซึ่งผู้ประกอบการเคยพัฒนาโครงการในย่านนั้นๆ แล้ว เพราะจะรู้ว่ามีดีมานด์อยู่มากน้อยแค่ไหน ซึ่งหลักๆ ยังเป็นตามแนวรถไฟฟ้าที่ขนานกับถนนสุขุมวิท ซึ่งถือเป็นเซฟโซน เปิดโครงการใหม่ยังขายได้ ส่วนทำเลใหม่ที่ยังมีโอกาสขยายตัว คือ สถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ย่านฝั่งธรบุรี สถานีบางหว้า ตลาดพลู เป็นต้น” นายสุรเชษฐ กล่าว
