เจ้าสัวนิคมอุตฯ เตรียมปรับกลยุทธ์ 3 ด้าน วางแผนลงทุนในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น รับความต้องการของตลาดต่างประเทศที่ทยอยเติบโตเพิ่มขึ้น พร้อมเบนเข็มธุรกิจเน้นสาธารณูปโภคด้านพลังงาน และนวัตกรรม เผย AMATAV คาดเข้าเทรดทันไตรมาส 2 นี้
นายวิกรม กรมดิษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน หรือ AMATA กล่าวว่า แนวโน้มการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในอนาคต จะเน้นด้านการลงทุนในส่วนของสาธารณูปโภค และปัจจัยพื้นฐานเพิ่มมากขึ้น เช่น โรงไฟฟ้า ที่ปัจจุบันบริษัทฯ มีโรงไฟฟ้า จำนวน 10 โรง ขนาดกำลังการผลิตที่ 1,400 เมกะวัตต์ และสามารถที่จะขยายกำลังการผลิตเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตามความต้องการของตลาด นอกเหนือจากนี้ ยังได้แก่ระบบการผลิตน้ำประปา และเพิ่มเติมด้านการค้นคว้าวิจัยระบบไอทีเทคโนโลยี และพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ที่ลดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม นอกเหนือจากการขายพื้นที่โรงงานเพื่อการอุตสาหกรรม เนื่องจากในช่วงเวลาที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายด้านทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ประกอบกับการที่บีโอไอมีการปรับเปลี่ยนนโยบายส่งเสริมการลงทุนนั้น ทำให้นักลงทุนไทยอาจหันไปลงทุนสร้างโรงงานในต่างประเทศ และนักลงทุนต่างประเทศจะหันไปสร้างฐานผลิตการลงทุนในต่างประเทศเช่นกัน ทำให้อัตราการเติบโตของดัชนีมวลรวมการบริโภคภายในประเทศ หรือ GDP มีความผันผวนอย่างมาก ขณะที่ประเทศเพื่อบ้าน เช่น พม่ามีอัตราการเติบโต GDP ของประเทศเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 8% และประเทศอื่นๆ เช่น กัมพูชา มี GDP เติบโตถึง 7% ประเทสลาว มี GDP เติบโตถึง 6% และประเทศมาเลเซีย ที่มี GDP เติบโตกว่า 5%
“ทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทในอนาคตจะเน้นการลงทุนในส่วนของการนิคมอุตสาหกรรมในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยในขณะนี้บริษัทฯ ได้เข้าไปลงทุนแล้ว คือ เวียดนาม และมีความสนใจที่จะเข้าไปลงทุนในอนาคตคือ ประเทศพม่า โดยมีเกณฑ์ในการพิจารณาปัจจัยหลักในการเข้าไปลงทุนที่สำคัญ 3 ข้อ คือ 1.จะต้องเป็นประเทศเพื่อนบ้านรอบประเทศไทย ที่มีความสะดวกในการเดินทางโดยใช้เครื่องบินโดยสารไม่เกิน 1-1 ชั่วโมง 30 นาที และ 2.ประเทศดังกล่าวต้องเป็นประเทศที่ติดกับทะเล หรือติดกับประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ทำให้การขนส่งได้สะดวก 3.ค่าจ้างแรงงานที่ไม่แพง และได้รับอานิสงส์จาก FTA อาเซียนบวก 6”
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของความคืบหน้าการเข้าไปลงทุนก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมในประเทศพม่า คาดว่าจะสรุปได้ภายในเร็วๆ นี้ โดยการลงทุนดังกล่าวจะร่วมกับทางรัฐบาลพม่า และพันธมิตรจากต่างประเทศ โดยในช่วงแรกของการเข้าไปลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมจะมีขนาดเล็กก่อน เพื่อให้ตลาดสามารถปรับตัวต่อการเติบโตได้ทัน หลังจากนั้น จะขยายเพิ่มมากขึ้นตามความต้องการของตลาดที่เติบโตขึ้น ขณะที่ในส่วนของการนำ บมจ.อมตะ วีเอ็น หรือ AMATAV เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น คาดว่าสามารถเสร็จเรียบร้อยได้ภายในไตรมาส 2/2558 แต่อาจจะมีความล่าช้าเล็กน้อยเนื่องจากมีปัญหาด้านเอกสารที่ยังไม่แล้วเสร็จ