โบรกฯ ฟันธง “เฟด-กนง.” คงอัตรา ดบ.นโยบาย อันเป็นผลจากการชะลอของเงินเฟ้อ ชี้ปัจจัยหลักทั้งเงินเฟ้อ และตลาดแรงงานในสหรัฐฯ ระยะสั้นยังมีความผันผวน ส่วนการลดลงของราคาน้ำมันน่าจะมีส่วนช่วยกระตุ้นการบริโภคครัวเรือน และเศรษฐกิจของไทยได้ดีกว่าการลด ดบ. พร้อมแนะกลยุทธ์ให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นจากเดิม 50% เป็น 70% โดยเน้นหุ้นขนาดใหญ่ที่ยังมีพื้นฐานดี
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยไทย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงทิศทางเศรษฐกิจ และแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า (26-30 ม.ค.) โดยระบุว่า การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) วันที่ 27-28 ม.ค. และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทย วันที่ 28 ม.ค. คาดว่าทั้ง 2 ประเทศจะคงนโยบายการเงินตามเดิม อันเป็นผลจากการชะลอของเงินเฟ้อทั่วโลก
ทั้งนี้ เฟดน่าจะยืนดอกเบี้ยฯ ที่ระดับ 0.25% ตามเดิม เนื่องจากปัจจัยหลักทั้งเงินเฟ้อ และตลาดแรงงานในระยะสั้นยังมีความผันผวนอยู่ อีกทั้งน่าจะเลื่อนการขึ้นดอกเบี้ยฯ ไปเป็นปลายปี 2558 หรือต้นปี 2559 (ล่าช้ากว่าเดิม ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2558) เช่นเดียวกับไทย น่าจะคงดอกเบี้ยฯ 2% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 โดยการลดลงของราคาน้ำมันน่าจะมีส่วนช่วยกระตุ้นการบริโภคครัวเรือน (50% ของจีดีพี) และกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่าการลดดอกเบี้ย
สำหรับมาตรการคิวอี (ผ่อนคลายเชิงปริมาณ) ของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ที่ดีกว่าคาดการณ์ และการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายระดับต่ำของหลายๆ ธนาคารกลางทั่วโลก ถือเป็นปัจจัยบวกสำหรับตลาดหุ้น โดยตลาดหุ้นไทยน่าจะได้รับอานิสงส์ของกระแสเงินทุนกลับเข้ามาอีกครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ตลาดหุ้นไทยในช่วงกว่า 1 ปีที่ผ่านมา อยู่ในภาวะที่ถูกขายสุทธิออกมาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เม็ดเงินที่ซื้อสุทธิสะสมของนักลงทุนต่างชาตินับจากปี 2552 เป็นต้นมา ลดลงจากจุดสูงสุดที่ 3.2 แสนล้าน เหลือเพียง 2.8 หมื่นล้านบาทในปัจจุบัน (ตามราคาตลาด)
นอกจากนี้ ด้วยอีพีเอส โกร์ธ ที่สูงถึง 16.7% ในปี 2558 จะทำให้ พี/อี ณ สิ้นปี 2558 อยู่ที่ 15.1 เท่า ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยภูมิภาคซึ่งอยู่ที่ 14.3-15.5 เท่า กลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนจากเดิม 50% เป็น 70% โดยเน้นหุ้นขนาดใหญ่ที่ยังมีพื้นฐานดี แต่ศักยภาพการทำกำไรยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี มีอัปไซด์สูง ได้แก่ SCC (ราคาเหมาะสมที่ 530 บาท) KBANK (ราคาเหมาะสมที่ 300 บาท) INTUCH (ราคาเหมาะสมที่ 113 บาท) และ TTW (ราคาเหมาะสมที่ 13.3 บาท)