xs
xsm
sm
md
lg

ปรับทัศนคติการเทรดทองคำกันอีกรอบ ... บล.โกลเบล็ก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สัญญา หาญพัฒนกิจพาณิช  ผู้อำนวยการทีมพัฒนาธุรกิจตลาดอนุพันธ์ บล.โกลเบล็ก
ปัญหาของนักเก็งกำไรในตลาดทอง หรือแม้จะเป็นตลาดหุ้นก็ตามที คือ มักจะหมกมุ่นต่อการหาเครื่องมือเพื่อช่วยในการเทรดในการตัดสินใจซื้อขายมากจนเกินไป จนลืมสิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ เรื่องแนวคิด ทัศนคติในการเทรดที่ดี

ขอเริ่มด้วยคำพูดเดิมๆ คือ ไม่มีเครื่องมือไหนที่ดีที่สุด เพราะแต่ละคนที่ใช้นั้นมีนิสัย มีจิตใจ มีความกล้าความกลัว และมีขนาดเงินทุนที่แตกต่างกัน ทำให้แต่ละคนเหมาะที่จะใช้เครื่องมือที่อาจจะไม่เหมือนกัน เครื่องมือส่วนใหญ่ที่นักเก็งกำไรชอบใช้กันคือ การวิเคราะห์ทางเทคนิค ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค หรือการใช้กราฟก็มีหลากหลายชนิด แต่ละชนิดมีจุดแข็งจุดด้อยที่แตกต่างกัน รองจากการวิเคราะห์ทางเทคนิค หรือกราฟแล้ว นักเก็งกำไรส่วนใหญ่ก็มักจะใช้การวิเคราะห์ข่าว ข้อมูลด้วยความรู้ที่ตัวเองมี นอกจากนี้ ก็จะมีอีกกลุ่มหนึ่งที่มักจะคอยซื้อขายตามคนอื่นบอก คนอื่นก็คือ นักวิเคราะห์ เพื่อนๆ หรือข่าวลือ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม คนส่วนใหญ่ที่ล้มเหลวมักจะมองข้ามเรื่องที่สำคัญกว่าที่กล่าวไปคือ แนวคิด และทัศนคติ

สิ่งที่มือใหม่ หรือคนที่เคยล้มเหลวควรท่องจำไว้อย่างแรกคือ ต้องอยู่ให้รอดก่อน การจะอยู่ให้รอดได้แน่นอนว่าเราต้องมีทุนที่พร้อมจะลงทุนทั้งในปัจจุบัน และในอนาคตไปเรื่อยๆ ไม่ได้หมายถึงนักเก็งกำไรต้องมีสายป่านยาว หรือหน้าตักที่ใหญ่ แต่หมายถึงการวางแผนสัดส่วนในการเก็งกำไรให้เหมาะสม ขนาดที่จะซื้อจะขายในแต่ละครั้งต้องสัมพันธ์กับจุดเข้าจุดออกด้วย พอมีตรงนี้แล้ว ที่เหลือก็แค่ตัวเราทำตามแผนที่วางไว้ได้หรือเปล่า

หลังจากนักเก็งกำไรมีเครื่องมือแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะมีการวางแผนตั้งจุดตัดขาดทุนไว้แล้ว (จุด STOPLOSS) การวางแผนขนาดในการเทรดให้เหมาะสมเริ่มต้นจากความเสี่ยงในการขาดทุนแต่ละครั้งเรารับความเสี่ยงได้เท่าไหร่ ผสมผสานกับจุดตัดขาดทุนเพื่อให้ได้ขนาดของการเทรดในแต่ละครั้ง เช่น หากเรามีเงินอยู่ 1 ล้านบาท ตั้งใจว่าซื้อขายแต่ละครั้งจะขาดทุนไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ แสดงว่าขาดทุนได้ไม่เกิน 50,000 บาท สมมติราคาทองคำในตลาดอยู่บาทละ 20,000 บาท นักเก็งกำไรมือใหม่ๆ ส่วนใหญ่ก็มักจะเข้าซื้อทองคำทันทีเลยทั้งหมด 1 ล้านบาท หรือเท่ากับทองคำหนัก 50 บาท แต่พอหันไปดูกราฟปรากฏว่า แนวรับอยู่ที่ 18,000 บาท พอราคาทองคำมาหลุดแนวรับ 18,000 บาท เลยทำการขายตัดขาดทุนออกไปตามสัญญาณการวิเคราะห์ทางเทคนิค ทำให้ขาดทุนกลายเป็น 100,000 บาท (ซื้อทองคำหนัก 50 บาทที่ 20,000 บาทแล้วไปขายที่ราคา 18,000 บาท) เท่ากับว่าขาดทุนเกินความเสี่ยงที่ตัวเองวางแผนไว้ตอนแรกว่าจะขาดทุนแต่ละครั้งไม่เกิน 50,000 บาท

“จากตัวอย่าง ถ้าเราจะซื้อทองคำตรง 20,000 บาทต่อบาททอง แต่จุดขายออกอยู่ที่ 18,000 บาท แล้วเรารับความเสี่ยงที่ขาดทุนได้ไม่เกิน 50,000 บาท แสดงว่าเราควรซื้อทองคำตรงบาทละ 20,000 ไม่ควรเกินน้ำหนัก 25 บาท ไม่ควรซื้อทั้งหน้าตักที่มีอยู่”

การควบคุมขนาดของการเทรดให้อยู่ตามแผนมันก็คือ การบริหารความเสี่ยงชนิดหนึ่ง ก่อนเข้าซื้อทุกครั้งถึงแม้เราจะหวังได้กำไร แต่ให้มองเรื่องความเสี่ยงที่จะขาดทุนเป็นหลักไว้ก่อน เพราะหลายๆ ครั้งราคาสินทรัพย์ไม่ได้เคลื่อนไหวในทิศทางที่เราคาดหวัง เราจึงต้องระมัดระวังเรื่องการกำจัดขนาดของการขาดทุนให้มาก เพราะถ้าคุณขาดทุน 10 เปอร์เซ็นต์ คุณต้องทำคืนครั้งต่อไป 11.10 เปอร์เซ็นต์เพื่อให้กลับมาเท่าทุน ถ้าคุณขาดทุน 50 เปอร์เซ็นต์ ครั้งต่อไปคุณต้องทำกำไร 50 เปอร์เซ็นต์ถึงจะกลับมาเท่าทุน ถ้าไม่บริหารหน้าตักดีๆ การจะประสบความสำเร็จในระยะยาวจะยากขึ้นเรื่อยๆ พอคุณมีเครื่องมือหาจุดเข้าซื้อ จุดขายออกที่เหมาะต่อคุณแล้ว การมีวิธีบริหารหน้าตักที่เหมาะสม จะช่วยทำให้คุณมีโอกาสแก้ตัวได้อีกหลายครั้ง หลังจากนี้มันก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณจะปฏิบัติตามแผนได้จริงหรือเปล่าเวลาเจอสถานการณ์จริง ครั้งหน้าเราจะมาคุยกันเรื่อง นิสัย หรือพฤติกรรมหลายๆ อย่างที่ทำให้นักเก็งกำไรไม่สามารถปฏิบัติตามแผนได้ และวิธีแก้ไข

สัญญา หาญพัฒนกิจพาณิช
ผู้อำนวยการทีมพัฒนาธุรกิจตลาดอนุพันธ์ บล.โกลเบล็ก
กำลังโหลดความคิดเห็น