หุ้นไทยรีบาวนด์แรงปิดบวก 25 จุด ทิศทางเดียวกับภูมิภาค แม้ราคาน้ำมันต่ำจะยังกดดัน แต่ก็อยู่ในเขต Oversold ขณะที่หุ้นน้ำมันก็ตอบรับไปแล้วในระดับหนึ่ง จึงมีการเก็งโอกาสราคาน้ำมันรีบาวนด์ขึ้นมา ส่วนประเด็นการไถ่ถอนของ LTF ก็กดดันตลาดฯ ไปแล้วในช่วง 1-3 วันแรก และในวันนี้ก็ได้รับ Sentiment บวกเข้ามาจากที่ตลาดปรับตัวลงมาเทรด P/E 13 เท่า ทำให้กองทุนประกันสังคมฯ ส่งสัญญาณเตรียมเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นไทยมากขึ้น และลดการลงทุนในพันธบัตร ลุ้นประชุม ECB 22 ม.ค.ซึ่งคาดหวังว่าจะมีการออกมาตรการ QE เพิ่ม ลุ้นวันนี้ “ขึ้นต่อ” เพราะสามารถยืนปิดเหนือระดับ 1,500 จุดได้สำเร็จ
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (7 ม.ค.) ดัชนีปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,500.75 จุด เพิ่มขึ้น 23.17 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +1.57% มูลค่าการซื้อขาย 47,990.25 ล้านบาท ซึ่งภาพรวมตลาดในวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,500.83 จุด ส่วนจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,478.26 จุด
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นอย่าต่อเนื่องในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่บวกราว 0.4-0.8% แม้ราคาน้ำมันต่ำจะยังกดดัน แต่หุ้นในกลุ่มน้ำมันก็ตอบรับไปแล้วในระดับหนึ่ง อีกทั้งตอนนี้ราคาน้ำมันก็อยู่ในเขต Oversold ดังนั้น จึงมีการเก็งโอกาสราคาน้ำมันรีบาวนด์ขึ้นมา
ส่วนบ้านเราเรื่องการไถ่ถอนของกองทุน LTF ก็กดดันตลาดฯ ไปแล้วในช่วง 1-3 วันแรก วันนี้ได้รับ Sentiment บวกเข้ามาจากที่ตลาดฯ ปรับตัวลงมาเทรด P/E 13 เท่า ทำให้กองทุนประกันสังคมส่งสัญญาณเตรียมเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นไทยมากขึ้น และลดการลงทุนในพันธบัตร ภายหลังจาก yield ลดลง ซึ่งทำให้การซื้อหุ้นปันผลดีได้รับผลตอบแทนมากกว่า
นอกจากนี้ เห็นได้ว่าแรงขายของนักลงทุนต่างชาติเริ่มเบาบางลงแล้ว น่าจะทำให้นักลงทุนกล้าเข้ามาลงทุนมากขึ้น อีกทั้งในวันที่ 22 ม.ค.จะมีการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) เก็งว่าจะมีการออกมาตรการ QE เพิ่ม หากดัชนีฯ ขึ้นมายืนเหนือระดับ 1,500 จุดได้ ก็จะยิ่งเป็นผลบวกต่อจิตวิทยาการลงทุน
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (8 ม.ค.) นายกรภัทร กล่าวว่า ตลาดฯ มีลุ้นขึ้นหลังยืนเหนือระดับ 1,500 จุด พร้อมให้แนวรับ 1,487-1,475 จุด ส่วนแนวต้าน 1,511-1,520 จุด
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส บล.เอเซีย พลัส ระบุการที่ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นกว่า 20 จุด เป็นเทคนิคเคิลรีบาวด์โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคาร และพลังงานขณะที่กลุ่ม ICT เป็นกลุ่มกดดันตลาดจากประเด็นการปรับเปลี่ยนการคิดค่าบริการให้เป็นตามจริง (รายวินาที) ขณะที่ภาวะการซื้อขายยังคงเป็นไปอย่างคึกคักในกลุ่มหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก
“มองว่าเป็นการรีบาวด์ในระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งก็เคลื่อนไหวไปตามทิศทางตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคที่มีการตีดกลับขึ้นมาบวกได้เหมือนกันแต่ก็บวกไม่มาก เพราะตั้งแต่เปิดซื้อ-ขายมาดัชนีถือว่าลงไปพอสมควร ถ้ามองให้ดีปัจจัยแวดล้อมก็ยังไม่มีประเด็นบวก โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงก็ยังคงกดดันตลาดฯอยู่ จึงมองว่าตลอดทั้งเดือนนี้ตลาดฯ ยังมีโอกาสผันผวน ในลักษณะการปรับฐานโดยมีแนวรับ 1,480 จุด ส่วนแนวต้าน 1,500 จุด” นายเทิดศักดิ์ กล่าว
ผู้อำนวยการอาวุโส บล.เอเซีย พลัส มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเดือนมกราคม คาดว่าครึ่งเดือนแรก จะยังถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบ การปรับประมาณการกำไรของหุ้นในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีลง รวมถึงการไถ่ถอน LTF/RMF โดยน่าจะตั้งหลักได้ในครึ่งเดือนหลัง จากคาดหวังการกระตุ้นเศรษฐกิจจากธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ดังนั้นการลงทุนน่าจะเน้นทยอยสะสมหุ้นกลุ่มได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ลดลง และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประมูลโครงการลงทุนภาครัฐฯ
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,710.94 ล้านบาท ปิดที่ 253.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,085.89 ล้านบาท ปิดที่ 334.00 บาท เพิ่มขึ้น 11.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,880.30 ล้านบาท ปิดที่ 218.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,805.28 ล้านบาท ปิดที่ 22.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,558.43 ล้านบาท ปิดที่ 11.60 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง