กระทรวงการคลัง ยืนยันยังไม่ปรับเป้ารายได้ปี 2558 เห็นว่ายังเร็วเกินไปที่จะมีการปรับเป้าหมายรายได้ ดังนั้น ต้องมีการประเมินรายละเอียดเป็นระยะๆ ต่อไปอย่างใกล้ชิด พร้อมเร่งสนับสนุนบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยค้ำประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัย เพื่อเปิดโอกาสให้คนมีบ้านเป็นของตัวเอง
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังยังคงเป้าหมายการจัดเก็บรายได้งบประมาณปี 2558 ไว้ที่ 2.325 ล้านล้านบาท แม้ว่ารายได้ของกรมสรรพากรที่มาจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าน้ำมันจะลดลงตามสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับตัวลง แต่มีรายได้ของกรมสรรพสามิตที่มาจากการปรับขึ้นการจัดเก็บภาษีน้ำมันดีเซลมาชดเชย ซึ่งยังต้องใช้เวลาติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง เพราะราคาน้ำมันยังมีความผันผวน แม้ว่าขณะนี้ราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งการที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงก็มีทั้งผลดี และผลเสีย และเห็นว่ายังเร็วเกินไปที่จะมีการปรับเป้าหมายรายได้ ดังนั้น ต้องมีการประเมินรายละเอียดเป็นระยะๆ ต่อไปอย่างใกล้ชิด
ส่วนการจัดทำงบประมาณปี 2559 ยังไม่มีข้อยุติ เนื่องจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังต้องหารือรายละเอียด โดยเฉพาะด้านรายได้ว่าจะมีรายได้ใหม่จากทางไหนเข้ามา และมีรายได้เก่าด้านใดที่หายไปบ้าง ซึ่งคาดว่าไม่เกิน 1-2 สัปดานี้น่าจะได้ข้อสรุป
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยังกล่าวในงานสัมมนา “มองเศรษฐกิจญี่ปุ่นผ่านตลาดรอง” หรือ “Outlook Beyond : mortgage banks in japan forum 2015 ” ว่า เพื่อเป็นการสนับสนุนประชาชนสามารถเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้มากขึ้น จึงมอบหมายให้บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) พัฒนาการค้ำประกันสินเชื่อบ้าน หรือ Mortgage Insurance และสินเชื่อ Reverse Mortage เพื่อสนับสนุนให้ผู้เกษียณอายุมีรายได้ต่อเดือนอย่างมั่นคง สำหรับการใช้จ่ายในวัยเกษียณ โดยใช้ที่อยู่อาศัยมาขอสินเชื่อ ซึ่ง บตท.จะดำเนินการในเรื่องดังกล่าว
ด้าน นางพรนิภา หาชัยภูมิ กรรมการและผู้จัดการ บตท. กล่าวว่า ได้มีการเสนอแก้ไขกฎหมาย บตท.ให้กระทรวงการคลังพิจารณาเมื่อ 1-2 ปีก่อน เพื่อให้ บตท.สามารถค้ำประกันสินเชื่อบ้านให้ประชาชนสามารถกู้สินเชื่อที่อยู่อาศัยกับสถาบันการเงินสะดวกขึ้นลักษณะเดียวกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ที่ค้ำประกันสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) ขณะเดียวกัน บตท.ยังเสนอการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยกับผู้สูงอายุโดยนำที่อยู่อาศัยมาจำนอง และ บตท.จะประเมินราคาทรัพย์สิน พร้อมพิจารณาการให้สินเชื่อเป็นรายเดือน เพื่อให้ผู้สูงอายุมีรายได้ในการใช้จ่ายทุกเดือน ซึ่งจะช่วยให้คุณภาพชีวิตในวัยเกษียณดีขึ้น และยังเป็นการรองรับสังคมผู้สูงอายุที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม หากผู้สูงอายุเสียชีวิต บตท.จะตีมูลค่าทรัพยสินที่ได้จำนองไว้ว่าเหลือมูลค่ามาก หรือน้อยกว่ามูลหนี้และจะแจ้งไปยังทายาทของผู้สูงอายุ