ตลาดหลักทรัพย์ฯ จี้ “แอสเซท ไบร์ท” แจงงบการเงินงวดสิ้นปี 57 หลังบริษัทส่งงบการเงินงวดสิ้นไตรมาส 3 ปรับปรุงรายการกำไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขาย 201.36ล้านบาท ที่เคยรับรู้ในงบกำไรขาดทุน โดยตัดออกจากบัญชีดังกล่าว และบันทึกไปยังกำไรสะสมโดยตรงทำให้แสดงกำไรสุทธิของบริษัทลดลง 180.19 ล้านบาท จนเป็นขาดทุนสุทธิ 21.19 ล้านบาท หรือลดลง 201.38 ล้านบาท โดยให้ชี้แจงภายใน 7 ม.ค.58 ขณะที่ยังคงป้ายแขวน SP และ NP หุ้น ABC
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขึ้นเครื่องหมาย “SP” (Suspension) เพื่อห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของ บริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ABC ในวันที่ 18 ธันวาคม 57 พร้อมทั้งขึ้นเครื่องหมาย NP (NoticePending) ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2557 เป็นต้นมา เนื่องจากเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 57 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งให้ บมจ.แอสเซท ไบร์ท แก้ไขงบการเงินงวดไตรมาสที่ 3 ปี 57 และนำส่งงบการเงินฉบับแก้ไขที่ผ่านการสอบทานจากผู้สอบบัญชีแล้วต่อ ก.ล.ต. พร้อมเปิดเผยต่อสาธารณชนภายในวันที่ 16 มกราคม 58
สืบเนื่องจาก ABC หยุดดำเนินธุรกิจสิ่งทอ และไม่ได้ใช้ประโยชน์จากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจดังกล่าว โดยในระหว่างปี 57 ABC ได้ขายสินทรัพย์และโอนส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ดังกล่าวไปเป็นกำไรจากการขายสินทรัพย์ในงบกำไรขาดทุนซึ่งไม่เป็นไปตามมาตรฐานการบัญชีที่กำหนดให้กิจการต้องโอนส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ดังกล่าวไปยังกำไรสะสม เมื่อเลิกใช้สินทรัพย์นั้น
เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 57 ABC ได้นำส่งงบการเงินสำหรับงวดไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 57 ฉบับแก้ไข โดยปรับปรุงรายการกำไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขาย 201.36 ล้านบาท ที่เคยรับรู้ในงบกำไรขาดทุน โดยตัดออกจากบัญชีดังกล่าว และบันทึกไปยังกำไรสะสมโดยตรง ทำให้แสดงกำไรสุทธิของบริษัทลดลงจาก 180.19 ล้านบาท จนเป็นขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 21.19 ล้านบาท ซึ่งลดลง 201.38 ล้านบาท
ดังนั้น เพื่อให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างครบถ้วน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ ABC ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้
1.เหตุผลที่บริษัทโอนส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ดังกล่าวข้างต้นไปเป็นกำไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขายในงบกำไรขาดทุนซึ่งส่งผลให้บริษัทแสดงกำไรสุทธิในงบการเงินสำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 57 สูงเกินไป จำนวน 201.38 ล้านบาท ลดลง 111.76% ของกำไรสุทธิที่แสดงไว้เดิม และความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว
2.การปรับปรุงรายการดังกล่าวมีผลกระทบต่องบการเงินฉบับก่อนหน้างบการเงินงวดไตรมาสที่ 3 ปี 57 ที่ได้มีการนำส่งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ และเผยแพร่ต่อผู้ลงทุนหรือไม่อย่างไร และมีแนวทางแก้ไขผลกระทบดังกล่าวอย่างไร
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ ABC ชี้แจงข้อมูลดังกล่าวภายในวันที่ 7 มกราคม 58 และขอให้ผู้ถือหุ้น และผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลงบการเงินของบริษัทด้วยความระมัดระวังเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน
โดยงบการเงินงวดสิ้นไตรมาส 3 ปี 57 นั้น ABC มีผลขาดทุนสุทธิ 10.46 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันนี้ของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 13.44 ล้านบาท โดยมีตัวเลขหลังจากการทำการแก้ไขงบการเงิน ซึ่งพบว่ากำไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขายก่อนแก้ไขงบ 201,364,709.47 บาท และภายหลังแก้ไขงบจะไม่ตัวเลขนี้ ขณะที่มีกำไรสุทธิก่อนแก้ไขงบ 180,190,093.35 ล้านบาท หลังแก้ไขงบพบว่า มีผลขาดทุนสุทธิ 21,189,434.12 บาท ส่งผลให้ตัวเลขกำไรต่อหุ้นจากเดิมอยู่ที่ 0.134 บาท เป็นขาดทุน 0.016 บาท ดังนั้น จึงทำให้ตัวเลขในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จของ ABC มีผลขาดทุนจากการตีมูลค่าสินทรัพย์ใหม่ที่ 19,687,230.34 ล้านบาท และภาษีเงินได้ที่เกี่ยวข้องกับองค์ประกอบอื่นของส่วนของผู้ถือหุ้น 3,937,446.07 บาท ขณะที่ก่อนแก้ไขงบมีกำไรสุทธิ 180,190,093.35 บาท เป็นขาดทุนสุทธิ 36,939,218.39 บาท
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขึ้นเครื่องหมาย “SP” (Suspension) เพื่อห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของ บริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ABC ในวันที่ 18 ธันวาคม 57 พร้อมทั้งขึ้นเครื่องหมาย NP (NoticePending) ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2557 เป็นต้นมา เนื่องจากเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 57 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งให้ บมจ.แอสเซท ไบร์ท แก้ไขงบการเงินงวดไตรมาสที่ 3 ปี 57 และนำส่งงบการเงินฉบับแก้ไขที่ผ่านการสอบทานจากผู้สอบบัญชีแล้วต่อ ก.ล.ต. พร้อมเปิดเผยต่อสาธารณชนภายในวันที่ 16 มกราคม 58
สืบเนื่องจาก ABC หยุดดำเนินธุรกิจสิ่งทอ และไม่ได้ใช้ประโยชน์จากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจดังกล่าว โดยในระหว่างปี 57 ABC ได้ขายสินทรัพย์และโอนส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ดังกล่าวไปเป็นกำไรจากการขายสินทรัพย์ในงบกำไรขาดทุนซึ่งไม่เป็นไปตามมาตรฐานการบัญชีที่กำหนดให้กิจการต้องโอนส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ดังกล่าวไปยังกำไรสะสม เมื่อเลิกใช้สินทรัพย์นั้น
เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 57 ABC ได้นำส่งงบการเงินสำหรับงวดไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 57 ฉบับแก้ไข โดยปรับปรุงรายการกำไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขาย 201.36 ล้านบาท ที่เคยรับรู้ในงบกำไรขาดทุน โดยตัดออกจากบัญชีดังกล่าว และบันทึกไปยังกำไรสะสมโดยตรง ทำให้แสดงกำไรสุทธิของบริษัทลดลงจาก 180.19 ล้านบาท จนเป็นขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 21.19 ล้านบาท ซึ่งลดลง 201.38 ล้านบาท
ดังนั้น เพื่อให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างครบถ้วน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ ABC ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้
1.เหตุผลที่บริษัทโอนส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ดังกล่าวข้างต้นไปเป็นกำไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขายในงบกำไรขาดทุนซึ่งส่งผลให้บริษัทแสดงกำไรสุทธิในงบการเงินสำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 57 สูงเกินไป จำนวน 201.38 ล้านบาท ลดลง 111.76% ของกำไรสุทธิที่แสดงไว้เดิม และความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว
2.การปรับปรุงรายการดังกล่าวมีผลกระทบต่องบการเงินฉบับก่อนหน้างบการเงินงวดไตรมาสที่ 3 ปี 57 ที่ได้มีการนำส่งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ และเผยแพร่ต่อผู้ลงทุนหรือไม่อย่างไร และมีแนวทางแก้ไขผลกระทบดังกล่าวอย่างไร
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ ABC ชี้แจงข้อมูลดังกล่าวภายในวันที่ 7 มกราคม 58 และขอให้ผู้ถือหุ้น และผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลงบการเงินของบริษัทด้วยความระมัดระวังเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน
โดยงบการเงินงวดสิ้นไตรมาส 3 ปี 57 นั้น ABC มีผลขาดทุนสุทธิ 10.46 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันนี้ของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 13.44 ล้านบาท โดยมีตัวเลขหลังจากการทำการแก้ไขงบการเงิน ซึ่งพบว่ากำไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขายก่อนแก้ไขงบ 201,364,709.47 บาท และภายหลังแก้ไขงบจะไม่ตัวเลขนี้ ขณะที่มีกำไรสุทธิก่อนแก้ไขงบ 180,190,093.35 ล้านบาท หลังแก้ไขงบพบว่า มีผลขาดทุนสุทธิ 21,189,434.12 บาท ส่งผลให้ตัวเลขกำไรต่อหุ้นจากเดิมอยู่ที่ 0.134 บาท เป็นขาดทุน 0.016 บาท ดังนั้น จึงทำให้ตัวเลขในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จของ ABC มีผลขาดทุนจากการตีมูลค่าสินทรัพย์ใหม่ที่ 19,687,230.34 ล้านบาท และภาษีเงินได้ที่เกี่ยวข้องกับองค์ประกอบอื่นของส่วนของผู้ถือหุ้น 3,937,446.07 บาท ขณะที่ก่อนแก้ไขงบมีกำไรสุทธิ 180,190,093.35 บาท เป็นขาดทุนสุทธิ 36,939,218.39 บาท