xs
xsm
sm
md
lg

KCM ตั้งเป้าปีหน้าโต 15-20% จากปีนี้ จ่อรุกงานรับเหมากลุ่มประเทศ AEC

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บมจ.เค.ซี.เมททอลชีท ตั้งเป้าโต 15-20% จากปีนี้ เตรียมเอาเงินระดมทุนที่ได้ไปขยายสาขาร้านขายย่อยเพิ่มในเขตภาคกลาง เหนือ และตะวันออก อีก 92 แห่ง จากที่มีอยู่ 22 แห่งในปัจจุบัน พร้อมรุกขายงานโครงสร้างอาคารสำเร็จรูปให้เช่า หรือโกดังในกลุ่มประเทศ AEC เพราะกำลังซื้อสูง

นายนิพนธ์ เจริญกิจ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เค.ซี.เมททอลชีท หรือ KCM กล่าวว่า สำหรับราคาหุ้นของบริษัทฯที่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคา IPO ที่ 1.30 บาท/หุ้น ในวันซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) บริษัทฯ มองว่านักลงทุนพิจารณาถึงปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและงานกลุ่มอสังหาฯ และรับเหมาก่อสร้างที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นไปตามทิศทางเศรษฐกิจ อีกทั้งแผนการการขยายสาขาเพิ่ม และการลงทุนในธุรกิจอาคารสำนักงานสำเร็จรูปให้เช่า เพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งจะช่วยผลักดันให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ที่คาดว่าจะทำให้ความต้องการใช้หลังคาเหล็ก และมีการเช่าอาคารสำเร็จรูปให้เช่ามากขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าอัตรากำไรสุทธิในปีหน้าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 5-8% จากปีนี้ที่คาดว่าอยู่ที่ 2% เนื่องจากบริษัทได้รับอานิสงส์เชิงบวกของราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ส่งผลดีต่อต้นทุนการขนส่งของบริษัท ทำให้ช่วยผลักดันอัตรากำไรสุทธิของบริษัทเติบโตได้ 1-2%  ประกอบกับกำไรที่จะมักขยายตัวขึ้นนั้น สะท้อนรายได้ของบริษัทในปีหน้าที่ตั้งเป้าเติบโต 15-20% จากปีนี้ โดยมาจากการขยายธุรกิจ โดยเฉพาะการขยายสำนักงานขายขนาดเล็กอีก 92 แห่ง ในเขตภาคกลางตอนบน ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากที่ในปัจจุบันบริษัทฯ มีสำนักงานสาขาอยู่ทั้งหมด 22 แห่ง กระจายในภาคอีสาน และภาคเหนือ ได้แก่ ขอนแก่น ชัยภูมิ อุดรธานี สกลนคร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ นครราชสีมา สระบุรี พิษณุโลก กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์  ทีกทั้งบริษัทฯ ยังมีการลงทุนในธุรกิจงานโครงสร้างอาคารสำเร็จรูปให้เช่า หรือโกดัง และซื้อเครื่องจักรใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิตแปเหล็กกล้ากำลังสูง อย่างไรก็ตาม บริษัทวางแผนการเติบโตรายได้ใน 5 ปี จะมีการเติบโตปีละ 15-20%

“เป้าหมายระยาวของบริษัท 5 ปี ตั้งเป้าจะมีรายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 15-20% โดยอัตรากำไรสุทธิปีหน้าคาดว่าจะเข้าสู่ระดับปกติที่ 5-8% จากปีนี้ที่อยู่ที่ 2% เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอ และปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง”

แต่ปีหน้าก็ได้รับผลดีจากราคาน้ำมันลดลงช่วยทำให้มาร์จิ้นดีขึ้น 1-2% นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการเตรียมเสนอขออนุมัติการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทภายในเดือนกุมภาพันธ์ 58 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะให้เงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในรูปแบบไหน ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีกำไรสะสมอยู่ที่ประมาณ 70 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ยังเตรียมขยายธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 58 โดยระหว่างการเข้าไปเจรจาร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่นในประเทศลาว ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 1 ปีหน้า โดยจะเน้นการเข้าไปทำตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์งานโครงสร้างโกดังเป็นหลัก ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีแนวโน้มการเติบโตขึ้น และมีความต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก โดยบริษัทมองว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์งานโครงสร้างโกดังมีความเกี่ยวเนื่องต่อการขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐาน และที่อยู่อาศัย อีกทั้งมีการติดตั้งที่รวดเร็วเพียง 3 เดือน

ทั้งนี้ บริษัทได้มีการเริ่มดำเนินงานในงานโครงสร้างโกดังที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นที่แรก พื้นที่ 7,800-8,000 ตารางเมตร นอกจากนี้ บริษัทได้มีการตอบรับจากลูกค้าเพิ่มเติมอีกในการรับงานโครงสร้างโกดัง โดยปัจจุบันมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ของงานโครงสร้างโกดังอยู่ที่ 30-40 ล้านบาท ซึ่งใช้ระยะเวลาราว 3 เดือนในการรับรู้รายได้ของงานแต่ละงาน นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมการลงทุนในธุรกิจอาคารสำเร็จรูปให้เช่า จำนวน 4 แห่ง ในพื้นที่สาขา 3 จังหวัด คือ ในจังหวัดขอนแก่น 2 แห่ง จังหวัดอุดรธานี และจังหวัดนครราชสีมา จังหวัดละ 1 แห่ง พร้อมทั้งมีการศึกษาในการลงทุนในธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา หรือโซลาร์รูฟท็อปส์ ซึ่งจะใช้พื้นที่ของอาคารสำเร็จรูปให้เช่าดังกล่าวในการทำโซลาร์รูฟท็อปส์ โดยบริษัทจะมีการทำร่วมกับพันธมิตร เนื่องจากบริษัทไม่มีใบอนุญาตในการทำโครงการดังกล่าวเป็นของตนเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น