นายสมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ารายได้ปี 2557 จะเติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 50% จากปีก่อนอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท หลังผลประกอบการไตรมาส 4/57 ของบริษัท และบริษัทย่อยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 3/2557 โดยจะทยอยรับรู้รายได้จากงานที่มีอยู่ในมือ ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีแผนเข้าประมูลงานต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่บริษัทฯ ต่อไปในอนาคต
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/57 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2557 ของบริษัท และบริษัทย่อย มีผลกำไรสุทธิ จำนวน 154.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันกับปีก่อนที่มีผลกำไรสุทธิจำนวน 51.39 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น จำนวน 103.23 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 200.88
ส่วนงวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิเท่ากับ 463.05 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิจากผลการดำเนินงานอันเป็นปกติของบริษัทฯ โดยไม่รวมรายการกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุน มีผลกำไรสุทธิเท่ากับ 26.97 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น จำนวน 436.08 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1,616.91
สาเหตุที่ผลการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้นดังกล่าว เนื่องจากกลุ่มบริษัทมีรายได้จากการรับเหมาก่อสร้างเพิ่มขึ้นเท่ากับ 1,272.50 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 607.38 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 665.12 ล้านบาท คิดเป็นเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 109.50 เนื่องจากบริษัทได้รับงานเพิ่มขึ้น และส่งมอบงานให้แก่คู่สัญญาเป็นไปตามกำหนดการ ขณะที่รายได้จากการขายเพิ่มขึ้นเท่ากับ 1,016.64 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 894.70 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 121.94 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.63 เนื่องจากมีการบันทึกรายได้จากการขายสินค้าค้าไปยังประเทศสาธารณรัฐสหภาพพม่า จำนวน 250 ล้านบาท ด้านรายได้จากการให้บริการ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 41.03 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 28.20 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12.83 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 45.50 เนื่องจากบริษัทได้รับความไว้วางใจให้บริหารและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จากลูกค้าเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม และบริษัทย่อยเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 191.26 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 78.83 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 112.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 142.62 เนื่องจากบริษัทได้ดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จนสามารถจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้วครบทุกโครงการ ซึ่งจะยังผลให้บริษัทจะได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม และบริษัทย่อยที่บริษัทได้ถือสัดส่วนเท่ากับ 26.16 เมกะวัตต์ (โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ดังกล่าวได้รับ Adder 8 บาท เป็นระยะเวลา 10 ปี)
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/57 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2557 ของบริษัท และบริษัทย่อย มีผลกำไรสุทธิ จำนวน 154.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันกับปีก่อนที่มีผลกำไรสุทธิจำนวน 51.39 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น จำนวน 103.23 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 200.88
ส่วนงวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิเท่ากับ 463.05 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิจากผลการดำเนินงานอันเป็นปกติของบริษัทฯ โดยไม่รวมรายการกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุน มีผลกำไรสุทธิเท่ากับ 26.97 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น จำนวน 436.08 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1,616.91
สาเหตุที่ผลการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้นดังกล่าว เนื่องจากกลุ่มบริษัทมีรายได้จากการรับเหมาก่อสร้างเพิ่มขึ้นเท่ากับ 1,272.50 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 607.38 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 665.12 ล้านบาท คิดเป็นเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 109.50 เนื่องจากบริษัทได้รับงานเพิ่มขึ้น และส่งมอบงานให้แก่คู่สัญญาเป็นไปตามกำหนดการ ขณะที่รายได้จากการขายเพิ่มขึ้นเท่ากับ 1,016.64 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 894.70 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 121.94 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.63 เนื่องจากมีการบันทึกรายได้จากการขายสินค้าค้าไปยังประเทศสาธารณรัฐสหภาพพม่า จำนวน 250 ล้านบาท ด้านรายได้จากการให้บริการ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 41.03 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 28.20 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12.83 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 45.50 เนื่องจากบริษัทได้รับความไว้วางใจให้บริหารและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จากลูกค้าเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม และบริษัทย่อยเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 191.26 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 78.83 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 112.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 142.62 เนื่องจากบริษัทได้ดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จนสามารถจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้วครบทุกโครงการ ซึ่งจะยังผลให้บริษัทจะได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม และบริษัทย่อยที่บริษัทได้ถือสัดส่วนเท่ากับ 26.16 เมกะวัตต์ (โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ดังกล่าวได้รับ Adder 8 บาท เป็นระยะเวลา 10 ปี)