จบสิ้นลงไปแล้วกับการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FOMC FED ครั้งสุดท้ายของปี 2014 โดยในปีนี้จัดประชุมขึ้นทั้งสิ้น 8 ครั้ง ซึ่งมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณได้จบสิ้นลงในครั้งที่ 7 และผลการประชุมครั้งสุดท้ายได้จบด้วยถ้อยแถลงที่ยังไม่ชัดเจนเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่คงที่ในระดับ 0.25% มาตั้งแต่ปลายปี 2008 รวมระยะเวลา 6 ปีเข้าไปแล้ว
ผลการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้สรุปได้ว่า การคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำนี้อาจเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกไม่นานเหมือนที่คาดไว้ในช่วงก่อนหน้า แต่ยังไม่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นในการประชุมอย่างน้อยอีก 2 ครั้งข้างหน้า นั่นเท่ากับว่า น่าจะยังคงระดับนี้ไปอย่างน้อยถึงปลายเดือนเมษายน โดยสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ นั้นได้แสดงการฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดแรงงานซึ่งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมได้ปรับตัวขึ้นเหนือ 300,000 ตำแหน่ง ทำให้ ประเด็นสำคัญที่ทำให้ตลาดจับตาก็คือ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นเมื่อใด ซึ่งรอยเตอร์ได้ทำการสำรวจปรากฏว่า น่าจะอยู่ในช่วงไตรมาส 3/2015 สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาหากมีการปรับตัวขึ้นจริงคงไม่พ้นให้เงินสกุลดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และจะส่งผลลบต่อตลาดทองคำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นักลงทุนในตลาดทองคำจำเป็นต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ผลักดันให้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า และกดดันราคาทองคำในตลอดช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม องค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ หรือ OECD ได้แสดงความเห็นว่า การแข็งค่าของเงินสกุลดอลลาร์จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจทำให้เป็นตัวถ่วงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งเฟดควรชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปก่อน
ดังนั้น นักลงทุนในตลาดการเงิน รวมถึงตลาดทองคำจำเป็นต้องติดตามการตัดสินใจของเฟดว่าจะให้น้ำหนักของผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างไร แต่เชื่อได้อย่างแน่นอนว่า ในทุกครั้งที่มีการประชุมเพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ย ตลาดทองคำจะต้องตอบสนองด้วยการแกว่งตัวที่ค่อนข้างมากแน่นอน
ผลการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้สรุปได้ว่า การคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำนี้อาจเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกไม่นานเหมือนที่คาดไว้ในช่วงก่อนหน้า แต่ยังไม่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นในการประชุมอย่างน้อยอีก 2 ครั้งข้างหน้า นั่นเท่ากับว่า น่าจะยังคงระดับนี้ไปอย่างน้อยถึงปลายเดือนเมษายน โดยสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ นั้นได้แสดงการฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดแรงงานซึ่งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมได้ปรับตัวขึ้นเหนือ 300,000 ตำแหน่ง ทำให้ ประเด็นสำคัญที่ทำให้ตลาดจับตาก็คือ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นเมื่อใด ซึ่งรอยเตอร์ได้ทำการสำรวจปรากฏว่า น่าจะอยู่ในช่วงไตรมาส 3/2015 สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาหากมีการปรับตัวขึ้นจริงคงไม่พ้นให้เงินสกุลดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และจะส่งผลลบต่อตลาดทองคำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นักลงทุนในตลาดทองคำจำเป็นต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ผลักดันให้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า และกดดันราคาทองคำในตลอดช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม องค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ หรือ OECD ได้แสดงความเห็นว่า การแข็งค่าของเงินสกุลดอลลาร์จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจทำให้เป็นตัวถ่วงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งเฟดควรชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปก่อน
ดังนั้น นักลงทุนในตลาดการเงิน รวมถึงตลาดทองคำจำเป็นต้องติดตามการตัดสินใจของเฟดว่าจะให้น้ำหนักของผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างไร แต่เชื่อได้อย่างแน่นอนว่า ในทุกครั้งที่มีการประชุมเพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ย ตลาดทองคำจะต้องตอบสนองด้วยการแกว่งตัวที่ค่อนข้างมากแน่นอน
