xs
xsm
sm
md
lg

เปราะบางยิ่งนัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


8 ถึง 16 ธันวาคม 2557 เป็นช่วงเวลาที่น่าทุกข์ระทมยิ่งนักสำหรับนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย  SET Index ปรับลดลงต่อเนื่อง 6 วันติดต่อกันกว่า 8.76%  โดยวันที่ลงหนักสุดคือ  วันที่ 15 ธ.ค.2557 SET Index ปรับลดลงภายในวันจาก 1,514 จุด ลงลึกถึง 1,375.99 จุด หรือติดลบไปกว่า 9.2% ยังดีที่ 2 ชั่วโมงท้ายของการซื้อขาย ดัชนีมีการไล่กลับร่วมๆ 100 จุด จนมาปิดตัวที่ 1,478 จุด

แม้ว่าในช่วงเวลาเดียวกันตลาดหุ้นทั่วโลกก็ปรับลดลงเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่จะปรับลงกันไม่ถึง 4% จะมีก็แต่ SET Index ของไทย และ MICEX Index ของรัสเซีย ที่ลงกันเกิน 9% ซึ่งในส่วนของรัสเซีย ยังพอเข้าใจได้ว่าที่ปรับลงหนักเพราะเกิดวิกฤตค่าเงินรูเบิลที่อ่อนค่าอย่างต่อเนื่องกว่า 30% ภายในเวลาเพียงแค่ 2 สัปดาห์ แต่ในส่วนของหุ้นไทยการปรับลง 9% ในระยะอันสั้นแค่ 6 วัน มันสะท้อนถึงสภาวะที่เปราะบางที่ซ่อนองค์ประกอบเชิงลบไว้หลายอย่างของตลาดหุ้นไทย ไม่ว่าจะเป็น

1.    ระดับ Valuation ที่แพงมากเมื่อเทียบกับการเติบโต (ดัชนีเทรดกันบน PE 18 เท่า ทั้งๆ ที่ EPS Growth ปี 2557 ติดลบ 3%)

2.    สัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนรายบุคคลในประเทศมีสูงผิดไปจากปกติมาก และเน้นไปลงทุนยังหุ้นเก็งกำไรขนาดเล็กมากเกิน ซึ่งดูได้จากมูลค่าการซื้อขายในหุ้นนอกกลุ่ม SET100 Index ในเดือน พ.ย.2557 มีมูลค่าการซื้อขายเป็น 50% ของมูลค่าการซื้อขายรวม ทั้งๆ ที่ขนาด Market Cap. ของหุ้นนอก SET100 จะมีสัดส่วนเพียงแค่ 20% ของขนาด Market Cap รวมทั้งตลาด

3.    การถือครองหุ้นของบัญชีซื้อขายเพื่อบริษัทหลักทรัพย์ที่สูงมากผิดปกติ โดยในวันที่ 4 ธันวาคม มียอดสะสมสูงถึง 1.6 หมื่นล้านบาท โดยธรรมชาติของนักลงทุนกลุ่มนี้มักจะเน้นการ Trading เป็นหลัก และด้วยพฤติกรรมดังกล่าวมักจะทำให้ยอดคงค้างที่เป็น Net Buy/Sell ในแต่ล่ะปีอยู่ในระดับที่ต่ำมากๆ โดยจุดสูงสุดที่เคยเห็นจะอยู่ที่ระดับ 7.7 พันล้านบาท เมื่อสิ้นปี 2555 ส่วนในปีนี้ปัจจุบันพบว่า มียอดซื้อสุทธิยังอยู่สูงถึง 1.48 หมื่นล้านบาท

เมื่อมีสิ่งผิดปกติหลายๆ อย่างมารวมกันจนถึงจุดอิ่มตัว แรงขายขนาดใหญ่จึงเกิดขึ้น โดยเริ่มจากบัญชีซื้อขายเพื่อบริษัทหลักทรัพย์ประเดิมขายเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2557 กว่า 1.4 พันล้านบาท ก่อนจะลุยขายต่อเนื่อง 7 วันติดต่อกันกว่า 1.24 หมื่นล้านบาท เช่นเดียวกับนักลงทุนต่างประเทศทำการขายสุทธิออกมาอย่างหนักหน่วง 6 วันติดต่อกันกว่า 2.8 หมื่นล้านบาท เมื่อมีแรงขายของนักลงทุนทั้ง 2 กลุ่มดังกล่าว บวกกับกระแสข่าวลือที่เกิดขึ้น จึงทำให้เกิดเหตการณ์ Panic Sell ในวันที่ 15 ธ.ค.2557 ตามด้วยกลไก Force Sell และ Short Sell และอีกหลายๆ Sell เหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ SET Index ต้องกลับลงมาแตะ 1,375 จุด ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

เมื่อมีวิกฤตก็ย่อมมีโอกาสตามมา การปรับลงมาเกือบ 150 จุด ของดัชนีได้ทำให้ระดับ Valuation ของตลาดเข้าสู่สภาวะสมดุลมากขึ้น SET Index กลับมาอยู่บนฐาน PE 14 เท่า  เมื่อใช้ฐานกำไรปี 2558 ที่ 102.97 บาท ทำให้เกิดความน่าสนใจสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่มองจังหวะนี้เป็นโอกาสอันดีในการเพิ่มน้ำหนักการลงทุน

เชื่อว่าหลังจากผ่านความผันผวนอย่างรุนแรงไปแล้ว แรงขายของพอร์ตโบรกเกอร์ และนักลงทุนต่างประเทศที่น่าจะเริ่มซาลง  นับจากนี้ SET Index น่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น ด้วยแรงหนุนของ LTF ปลายปี บวกกับโอกาสในการเกิด Window Dressing
กำลังโหลดความคิดเห็น