แสนสิริฯ ชี้ดีมานด์เช่า-ซื้อคอนโดฯ ย่านทองหล่อพุ่งกระฉูดแตะ 160,000-170,000บาทต่อ ตร.ม. ปรับตัวจากปี 55 ซึ่งมีราคาขายที่ 140,000-150,000 บาทต่อ ตร.ม.กว่า 12% หลังที่ดินขึ้นโครงการใหม่หายาก แถมราคาขยับสูง ส่งผล 1 ปีก่อนหน้าถึงปัจจุบันไม่มีการเปิดตัวคอนโดฯ ในพื้นที่ ระบุซัปพลายใหม่ในพื้นที่หายาก เชื่ออนาคตราคาโครงการเปิดใหม่ไม่ต่ำกว่า 200,000 บาทต่อ ตร.ม. แจงยอดขายคอนโดทั้งปี 8,000 ล้านบาท ต่ำกวาเป้า 20%
นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจ และพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียนบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI กล่าวว่า ปัจจุบันราคาห้องชุด หรือคอนโดฯ มือสองในย่านทองหล่อมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันราคาซื้อขายห้องชุดสองราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 160,000-170,000 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) หรือเพิ่มขึ้นถึง 12% จากปี 2555 ซึ่งมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 140,000-150,000 บาทต่อ ตร.ม. ขณะที่ราคาที่ดินดิบมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ 1-1.5 ล้านบาทต่อตารางวา (ตร.ว.) และมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นต่อเนื่อง หากในอนาคตมีโครงการใหม่เปิดขึ้นในทำเลย่านทองหล่อ คาดว่าราคาเสนอขายไม่น่าจะต่ำกว่า 200,000 บาทต่อ ตร.ม.แน่นอน
“ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ทำเลย่านทองหล่อไม่มีการเปิดโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ๆ เลย เนื่องจากทำเลที่ดีในการพัฒนาโครงการหายากมาก ทำให้ทำย่านเลทองหล่อมีซัปพลายน้อย และราคาขายสูงมาก ทั้งตลาดซื้อขาย และตลาดเช่า ทำให้ราคาซื้อขายคอนโดมิเนียมสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา”
สำหรับทำเลทองหล่อ หรือซอยสุขุมวิท 55 เป็นทำเลยอดนิยมที่ติดอันดับต้นๆ ของกรุงเทพฯ ชั้นใน เนื่องจากเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจ คมนาคม รวมถึงเป็นแหล่งรวมการใช้ชีวิตของคนเมือง รายล้อมด้วยร้านค้า โรงแรม ร้านอาหาร สปา คอมมูนิตีมอลล์ ซึ่งตอบสนองต่อการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในตลาดระดับกลาง-บน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ส่งผลให้ทองหล่อเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวอังกฤษ และญี่ปุ่น
สำหรับโครงการ “เอชคิว ทองหล่อ (HQ Thonglor)” ซึ่งเป็นโครงการ ที่ตั้งอยู่บนซอยสุขุมวิท 55 เปิดการขายเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา และสามารถปิดการขายได้ภายในระยะเวลา 2 ชั่วโมง และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีลูกค้าที่ซื้อโครงการนำห้องชุดมารีเซลมากในสัดส่วน 50-60% โดยปัจจุบันราคาขายพุ่งมาถึง 170,000-180,000 บาทต่อ ตร.ม. จากราคาเปิดขายครั้งแรก 130,000-140,000 บาทต่อ ตร.ม. โดยในปีนี้จะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้กว่า 70% คิดเป็นมูลค่า 1,100 ล้านบาท
นายอุทัย กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทฯมีแบ็กล็อก (Backlog) คอนโดฯ มูลค่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ภายในระยะเวลา 3 ปี โดยในไตรมาส 4/2557 นี้จะมีการทยอยรับรู้รายได้ประมาณ 5,000 ล้านบาท จากรายได้คอนโดฯ ทั้งปี 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ปีนี้บริษัทมียอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ใกล้เคียงเป้าที่วางไว้ 15,000 ล้านบาท ส่วนยอดขายในปีนี้ทำได้แล้ว 8,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ 10,000 ล้านบาท เนื่องจากมีการเปิดคอนโดฯ ใหม่เพียง 2โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท น้อยกว่าแผนที่วางไว้เมื่อต้นปีที่คาดว่าจะเปิดคอนโดฯ ใหม่ 7-8โครงการ
สำหรับปี 2558 บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวมเติบโต 8-10% จากปี 2557 ตามแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทย (GDP) ในอัตรา 4% และภาพรวมภาคอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่าจะเติบโตมากกว่า GDP 1.5-2 เท่า หรือเติบโตประมาณ 6-8% โดยมองว่ากำลังซื้อจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อยอดขายของบริษัทฯ