“วายแอลจี” จับตาตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ และผลการประชุมเฟดกรณีอัตราดอกเบี้ย กำหนดทิศทางราคาทองคำในอนาคต ชี้หากยืนเหนือ1,200 เหรียญ/ออนซ์ได้ มีโอกาสไปต่อ แนะนำ ทยอยแบ่งขายทำกำไร
“วรุต รุ่งขำ” ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวถึงทิศทางราคาทองคำว่า แรงซื้อตามน้ำในราคาทองคำช่วยผลักดันให้ราคาทะยานขึ้นไปเหนือ 1,220 เหรียญ/ออนซ์เมื่อสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ดีขึ้น เช่น ยอดผู้ขอเข้ารับสวัสดิการว่างงาน ยังทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และเป็นปัจจัยที่กดดันให้ราคาทองคำอ่อนตัวจากแรงเทขายที่เกิดขึ้นตามมา
ปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ มองไปที่ทิศทางค่าเงินยูโรที่จะเข้ามามีบทบาทต่อราคาทองคำ โดยเฉพาะกรณีการเลือกตั้งในกรีซ หากประชาชนไม่สนับสนุนพรรคการเมืองที่ยังเดินหน้านโยบายรัดเข็มขัด อาจจะทำให้ปัญหาหนี้่สาธารณะกลับมาเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เงินยูโรอ่อนตัวลง ซึ่งจะมีให้ราคาทองคำปรับตัวลงไปอีก
ประกอบกับในสัปดาห์นี้ จะมีการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่คณะกรรมการ FOMC ใช้ในการพิจราณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ ถือเป็นเรื่องนักลงทุนต้องติดตามว่า เฟด จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ หรือปรับขึ้นในช่วงเวลาใด
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน เนื่องจากปัจจัยหลายตัวยังไม่มีความชัดเจนมากนัก ทำให้การเคลื่อนไหวของราคาทองคำอาจเป็นไปในลักษณะแกว่งตัวออกด้านข้าง นักลงทุนต้องจับตาดูโซนแนวรับ 1,200-1,180 เหรียญ/ออนซ์ หากราคาย่อตัวลงมาปรับฐาน และยืนเหนือราคาดังกล่าวได้ ก็สามารถเข้ามาสะสมทองคำเพิ่มเติมได้ และหากราคายังทะยานปรับขึ้น ผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อย อาจมีการทยอยแบ่งทองคำออกมาขาทำกำไรในโซน 1,240 เหรียญ/ออนซ์ ขณะเดียวกัน หากราคาทองคำยังสามารถทะยานผ่านแนวต้านแรกออกไปได้ก็สามารถนำออกมาทยอยขายในโซนแนวต้าน 1,280 เหรียญ/ออนซ์