ศูนย์วิจัยทองคำ แจงดัชนีความเชื่อมั่นทองเดือน พ.ย. เริ่มฟื้นในรอบ 4 เดือน ได้แรงหนุนจากบาทอ่อน และอุปสงค์ทองคำในช่วงเทศกาล คาดราคาทองคำปี 58 มีทิศทางที่ดีขึ้น แต่ยังเป็นขาลง และมีโอกาสต่ำกว่า 17,000 บาท ในช่วงไตรมาส 2/58 เนื่อจากตลาดประเมินว่า เฟด อาจต้องปรับขึ้น ดบ.อย่างแน่นอน ส่งผลให้เม็ดเงินไหลกลับไปลงทุนในดอลลาร์
นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในเดือนธันวาคม 2557 โดยมองว่า ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.95 จุด อยู่ที่ระดับ 51.72 จุด จากเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ 46.77 โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน หลังเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 จุด 3 เดือนติดต่อกัน เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของค่าเงินบาท และความต้องการทองคำในช่วงเทศกาลแต่งงานของอินเดีย และการซื้อก่อนช่วงเทศกาลสำคัญต้นปี เช่น เทศกาลปีใหม่ และตรุษจีน
สอดคล้องต่อดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในระยะ 3 เดือนข้างหน้า เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 5.22 จุด มาอยู่ที่ 59.17 จุด จาก ดัชนีที่ 53.95 ในเดือนพฤศจิกายน
อย่างไรก็ตาม ความเห็นของผู้ค้าทองคำ 9 รายมองว่า ราคาทองคำในตลาดโลกเดือนธันวาคม กรอบราคาสูงสุดระหว่าง 1,140-1,240 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ส่วนกรอบความเคลื่อนไหวของราคาทองในประเทศอยู่ระหว่าง 17,500-19,500 บาทต่อบาททองคำ
นายกมลธัญ กล่าวว่า แม้แนวโน้มราคาทองคำในช่วงต้นปี 2558 จะมีทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากเป็นผลจากปริมาณความต้องการซื้อ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยคาดว่าในช่วงไตรมาส 1 ราคาทองคำมีแนวโน้มทดสอบที่ 1,300-1,350 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณ 20,000-20,500 บาทต่อบาททองคำ
ทั้งนี้ เชื่อว่าแนวโน้มทองคำในปีหน้ายังอยู่ในขาลง โดยมีโอกาสทำสถิติต่ำสุดใหม่ที่ 1,100-1,150 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณท16,500-16,800 บาทต่อบาททองคำ ในช่วงไตรมาส 2 เพราะธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแน่นอน ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า และกระแสเงินลงทุนจะไหลกลับไปลงทุนในเงินดอลลาร์ ดังนั้น นักลงทุนระยะยาวมีโอกาสที่จะสะสมทองคำในปีหน้าที่บริเวณแนวรับ 1,130 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์